ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

เราตัดสินใจแน่วแน่เพื่อการปกครองของพระเจ้า

เราตัดสินใจแน่วแน่เพื่อการปกครองของพระเจ้า

เรื่อง​ราว​ชีวิต​จริง

เรา​ตัดสิน​ใจ​แน่วแน่​เพื่อ​การ​ปกครอง​ของ​พระเจ้า

เล่า​โดย​มีคาล โซบรัก

หลัง​จาก​ถูก​ขัง​เดี่ยว​นาน​หนึ่ง​เดือน ผม​ถูก​ลาก​ออก​มา​พบ​พนักงาน​สอบสวน​คน​หนึ่ง. ไม่​นาน เขา​ก็​หน้า​แดง​ก่ำ​และ​ตะโกน​ว่า “แก​เป็น​สาย​ลับ! สาย​ลับ​ของ​พวก​อเมริกัน!” อะไร​ทำ​ให้​เขา​โกรธ​มาก​ขนาด​นั้น? เขา​เพิ่ง​ถาม​ว่า ผม​นับถือ​ศาสนา​อะไร และ​ผม​ตอบ​ว่า “ผม​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา.”

เหตุ​การณ์​นี้​เกิด​ขึ้น​ห้า​สิบ​กว่า​ปี​มา​แล้ว. ใน​ตอน​นั้น ประเทศ​ที่​ผม​อาศัย​อยู่​มี​การ​ปกครอง​แบบ​คอมมิวนิสต์. อย่าง​ไร​ก็​ตาม งาน​ด้าน​การ​ศึกษา​แบบ​คริสเตียน​ของ​เรา​ประสบ​การ​ต่อ​ต้าน​อย่าง​รุนแรง​มา​นาน​ก่อน​หน้า​นั้น​แล้ว.

เรา​รู้สึก​ถึง​ผล​กระทบ​อัน​เจ็บ​ปวด​ของ​สงคราม

เมื่อ​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 1 เริ่ม​ขึ้น​ใน​ปี 1914 ผม​อายุ​ได้​แปด​ขวบ. ใน​ตอน​นั้น หมู่​บ้าน​ของ​ผม​คือ​ซาลู​ซิ​เช​อยู่​ภาย​ใต้​การ​ปกครอง​ของ​จักรวรรดิ​ออสเตรีย-ฮังการี. สงคราม​ไม่​ได้​ทำ​ให้​ฉาก​ของ​โลก​สับสน​วุ่นวาย​เท่า​นั้น แต่​ยัง​ทำ​ให้​ชีวิต​วัย​เด็ก​ของ​ผม​สิ้น​สุด​ลง​อย่าง​กะทันหัน. คุณ​พ่อ​ของ​ผม​ซึ่ง​เป็น​ทหาร ได้​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี​แรก​ของ​การ​สู้​รบ. ทำ​ให้​คุณ​แม่, น้อง​สาว​สอง​คน, และ​ผม​อยู่​อย่าง​ยาก​จน​ข้นแค้น. เนื่อง​จาก​เป็น​ลูก​ชาย​คน​โต ไม่​ช้า​ผม​ก็​พบ​ว่า​ต้อง​แบก​ภาระ​รับผิดชอบ​มาก​มาย​เกี่ยว​กับ​งาน​ใน​ไร่​เล็ก ๆ และ​งาน​รอบ ๆ บ้าน​ของ​เรา. ผม​เคร่ง​ศาสนา​ตั้ง​แต่​เด็ก ๆ. นัก​เทศน์​ของ​คริสตจักร​รีฟอร์ม (คาลวินิสต์) ขอ​ให้​ผม​เป็น​ตัว​แทน​เขา​และ​สอน​เพื่อน​นัก​เรียน​ใน​ช่วง​ที่​เขา​ไม่​อยู่.

ใน​ปี 1918 สงคราม​ใหญ่​ก็​สิ้น​สุด​ลง และ​พวก​เรา​ถอน​หายใจ​ด้วย​ความ​โล่ง​อก. จักรวรรดิ​ออสเตรีย-ฮังการี​ถูก​ล้ม​ล้าง เรา​จึง​กลาย​เป็น​พลเมือง​ของ​สาธารณรัฐ​เชโกสโลวะเกีย. ไม่​ช้า หลาย​คน​ใน​แถบ​ที่​เรา​อยู่​ซึ่ง​อพยพ​ไป​สหรัฐ​ก็​เดิน​ทาง​กลับ​บ้าน. ใน​หมู่​คน​เหล่า​นี้​คือ มีคาล เพทริก ซึ่ง​กลับ​มาที่​หมู่​บ้าน​ของ​เรา​ใน​ปี 1922. เมื่อ​เขา​มา​เยี่ยม​ครอบครัว​หนึ่ง​ใน​ละแวก​บ้าน​ของ​เรา คุณ​แม่​และ​ผม​ได้​รับ​เชิญ​ด้วย.

การ​ปกครอง​ของ​พระเจ้า​กลาย​เป็น​จริง​สำหรับ​เรา

มีคาล​เป็น​นัก​ศึกษา​คัมภีร์​ไบเบิล ซึ่ง​เป็น​ชื่อ​เรียก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ตอน​นั้น เขา​พูด​เรื่อง​ประเด็น​สำคัญ​ต่าง ๆ ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​ซึ่ง​ทำ​ให้​ผม​สนใจ​ใคร่​รู้. เรื่อง​ที่​โดด​เด่น​ที่​สุด​ใน​บรรดา​เรื่อง​ต่าง ๆ คือ​เรื่อง​การ​มา​แห่ง​ราชอาณาจักร​ของ​พระ​ยะโฮวา. (ดานิเอล 2:44) เมื่อ​เขา​บอก​ว่า จะ​มี​การ​ประชุม​คริสเตียน​ที่​หมู่​บ้าน​ซาฮอร์​ใน​วัน​อาทิตย์​หน้า ผม​ตั้งใจ​ว่า​จะ​ไป. ผม​ตื่น​ตี 4 และ​เดิน​ไป​บ้าน​ญาติ​ประมาณ 8 กิโลเมตร​เพื่อ​ขอ​ยืม​จักรยาน. หลัง​จาก​ซ่อม​ยาง​ที่​แบน​เสร็จ​แล้ว จึง​ถีบ​จักรยาน​ต่อ​ไป​อีก 24 กิโลเมตร​ถึง​หมู่​บ้าน​ซาฮอร์. ผม​ไม่​รู้​เลย​ว่า​เขา​จะ​จัด​การ​ประชุม​ที่​ไหน ดัง​นั้น ผม​จึง​ถีบ​จักรยาน​ช้า ๆ ไป​ตาม​ถนน​สาย​หนึ่ง. ครั้น​แล้ว​ก็​จำ​เสียง​เพลง​ราชอาณาจักร​ที่​กำลัง​ร้อง​ใน​บ้าน​หลัง​หนึ่ง​ได้. หัวใจ​ผม​เต้น​ด้วย​ความ​ยินดี. ผม​เข้า​ไป​ใน​บ้าน​และ​อธิบาย​ว่า​ทำไม​จึง​มา​ที่​นั่น. พวก​เขา​เชิญ​ผม​ให้​ร่วม​รับประทาน​อาหาร​เช้า​ด้วย​กัน แล้ว​ก็​พา​ไป​ยัง​การ​ประชุม. แม้​ผม​ต้อง​ถีบ​จักรยาน​และ​เดิน​กลับ​บ้าน​รวม​แล้ว​มาก​กว่า 32 กิโลเมตร แต่​ก็​ไม่​รู้สึก​เหนื่อย​เลย​แม้​แต่​นิด​เดียว.—ยะซายา 40:31.

คำ​อธิบาย​อัน​ชัดเจน​โดย​อาศัย​คัมภีร์​ไบเบิล​เป็น​หลัก​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ดึงดูด​ใจ​ผม. ความ​คาด​หวัง​ที่​จะ​ชื่นชม​ยินดี​อย่าง​แท้​จริง​และ​มี​ชีวิต​ที่​น่า​พอ​ใจ​ภาย​ใต้​การ​ปกครอง​ของ​พระเจ้า​เป็น​เรื่อง​ที่​ประทับใจ​ผม​อย่าง​ยิ่ง. (บทเพลง​สรรเสริญ 104:28) คุณ​แม่​และ​ผม​ตัดสิน​ใจ​ยื่น​จด-หมาย​ลา​ออก​จาก​คริสตจักร. การ​ทำ​เช่น​นี้​ก่อ​ให้​เกิด​หัวข้อ​ถกเถียง​ไป​ทั่ว​หมู่​บ้าน​ของ​เรา. บาง​คน​ไม่​พูด​กับ​เรา​ไป​ระยะ​หนึ่ง กระนั้น เรา​มี​การ​คบหา​สมาคม​ที่​ดี​กับ​พยาน​ฯ หลาย​คน​ใน​แถบ​นี้. (มัดธาย 5:11, 12) ไม่​นาน ผม​ก็​รับ​บัพติสมา​ใน​แม่น้ำ​อู.

งาน​รับใช้​กลาย​เป็น​วิถี​ชีวิต​ของ​เรา

เรา​ใช้​ทุก​โอกาส​เพื่อ​ประกาศ​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระ​ยะโฮวา. (มัดธาย 24:14) โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง เรา​เน้น​การ​รณรงค์​เพื่อ​การ​ประกาศ​ใน​วัน​อาทิตย์​โดย​มี​การ​จัด​ระบบ​ระเบียบ​อย่าง​ดี. โดย​ทั่ว​ไป​แล้ว ผู้​คน​ใน​สมัย​นั้น​ตื่น​แต่​เช้า​ตรู่ ดัง​นั้น​เรา​จึง​สามารถ​เริ่ม​ประกาศ​ได้​แต่​เช้า. บ่าย​วัน​นั้น​ก็​มี​การ​จัด​การ​ประชุม​สาธารณะ​ขึ้น. ผู้​สอน​คัมภีร์​ไบเบิล​ส่วน​ใหญ่​บรรยาย​แบบ​กลอน​สด. ใน​คำ​บรรยาย พวก​เขา​คำนึง​ถึง​จำนวน​ผู้​สนใจ, ภูมิหลัง​ทาง​ศาสนา, และ​ประเด็น​ที่​ผู้​คน​เป็น​ห่วง.

ความ​จริง​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​เรา​ประกาศ​ทำ​ให้​ผู้​มี​หัวใจ​สุจริต​หลาย​คน​ตา​สว่าง. ไม่​นาน​หลัง​จาก​รับ​บัพติสมา ผม​ประกาศ​ใน​หมู่​บ้าน​โทรห์วิชเต. ที่​บ้าน​หลัง​หนึ่ง ผม​คุย​กับ​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ที่​กรุณา​และ​เป็น​มิตร​อย่าง​ยิ่ง เธอ​ชื่อ ซูซานนา มอสกัล. เธอ​และ​ครอบครัว​เป็น​คาลวินิสต์​เหมือน​ที่​ผม​เคย​เป็น. แม้​เธอ​จะ​คุ้น​เคย​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล แต่​ก็​มี​คำ​ถาม​มาก​มาย​เกี่ยว​กับ​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ยัง​ไม่​ได้​คำ​ตอบ. เรา​สนทนา​กัน​นาน​นับ​ชั่วโมง และ​ผม​ให้​หนังสือ​พิณ​ของ​พระเจ้า แก่​เธอ. *

ครอบครัว​มอสกัล​รวม​เอา​การ​อ่าน​หนังสือ​พิณ เข้า​กับ​การ​อ่าน​คัมภีร์​ไบเบิล​ประจำ​ครอบครัว​ทันที. หลาย​ครอบครัว​ใน​หมู่​บ้าน​แสดง​ความ​สนใจ​และ​เริ่ม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ของ​เรา. นัก​เทศน์​คาลวินิสต์​ประกาศ​คำ​เตือน​อัน​แข็ง​กร้าว​ต่อ​ต้าน​เรา​และ​สรรพหนังสือ​ของ​เรา. ต่อ​มา ผู้​สนใจ​บาง​คน​แนะ​ให้​นัก​เทศน์​มา​ที่​การ​ประชุม​ของ​เรา เพื่อ​พิสูจน์​หักล้าง​คำ​สอน​ของ​เรา​ใน​การ​โต้​วาที​ต่อ​หน้า​ทุก​คน.

นัก​เทศน์​มา​ที่​การ​ประชุม แต่​เขา​ไม่​สามารถ​ยก​ข้อ​โต้​แย้ง​แม้​แต่​ข้อ​เดียว​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล​เพื่อ​สนับสนุน​คำ​สอน​ของ​เขา. เพื่อ​ปก​ป้อง​ตัว​เอง เขา​กล่าว​ว่า “เรา​ไม่​อาจ​เชื่อ​ทุก​สิ่ง​ที่​อยู่​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล. มัน​เป็น​หนังสือ​ที่​มนุษย์​เขียน​ขึ้น อีก​ทั้ง​คำ​ถาม​ทาง​ศาสนา​สามารถ​อธิบาย​ได้​ใน​แบบ​ที่​ต่าง​ออก​ไป.” นี่​เป็น​จุด​หักเห​สำหรับ​หลาย​คน. บาง​คน​บอก​ว่า ถ้า​นัก​เทศน์​ไม่​เชื่อ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล พวก​เขา​ก็​จะ​ไม่​ฟัง​คำ​เทศน์​อีก​ต่อ​ไป. ด้วย​เหตุ​นี้ พวก​เขา​จึง​ลา​ออก​จาก​คริสตจักร​คาลวินิสต์ และ​มี​ประมาณ 30 คน​จาก​หมู่​บ้าน​ดัง​กล่าว​ที่​ยืนหยัด​อยู่​ฝ่าย​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล.

การ​ประกาศ​ข่าว​ดี​เรื่อง​ราชอาณาจักร​กลาย​เป็น​วิถี​ชีวิต​ของ​เรา ดัง​นั้น เป็น​ธรรมดา​ที่​ผม​จะ​มอง​หา​คู่​ชีวิต​จากครอบครัว​ที่​เข้มแข็ง​ฝ่าย​วิญญาณ. หนึ่ง​ใน​เพื่อน​ร่วม​ทำ​งาน​รับใช้​ของ​ผม​คือ ยาน เพทรุชกา ซึ่ง​เรียน​ความ​จริง​ใน​สหรัฐ. ผม​ประทับใจ​ลูก​สาว​ของ​เขา​ที่​ชื่อ​มาเรีย เนื่อง​จาก​เธอ​คล้าย​กับ​บิดา​ของ​เธอ​ใน​เรื่อง​ความ​พร้อม​ที่​จะ​ให้​คำ​พยาน​กับ​ทุก​คน. ใน​ปี 1936 เรา​แต่งงาน​กัน และ​มาเรีย​เป็น​คู่​ชีวิต​ที่​ซื่อ​สัตย์​ของ​ผม​นาน​ถึง 50 ปี จน​กระทั่ง​เธอ​เสีย​ชีวิต​ใน​ปี 1986. ใน​ปี 1938 เอดูอาร์ด ลูก​ชาย​คน​เดียว​ของ​เรา​ก็​เกิด​มา. แต่​ใน​ช่วง​นั้น สงคราม​อีก​อย่าง​หนึ่ง​ใน​ยุโรป​ดู​เหมือน​จวน​จะ​เกิด​ขึ้น. สงคราม​นั้น​จะ​ส่ง​ผล​กระทบ​เช่น​ไร​ต่อ​งาน​ของ​เรา?

ความ​เป็น​กลาง​แบบ​คริสเตียน​ของ​เรา​ถูก​ทดสอบ

เมื่อ​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 เริ่ม​ขึ้น ส​โล​วะ​เกีย​ซึ่ง​กลาย​เป็น​ประเทศ​ที่​แยก​ออก​มา​ต่าง​หาก​ตก​อยู่​ภาย​ใต้​อิทธิพล​ของ​พวก​นาซี. กระนั้น ไม่​มี​การ​กระทำ​ใด ๆ โดย​เฉพาะ​ของ​รัฐบาล​เพื่อ​ต่อ​ต้าน​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ฐานะ​องค์การ. แน่นอน เรา​ต้อง​ทำ​งาน​อย่าง​ลับ ๆ อีก​ทั้ง​สรรพหนังสือ​ของ​เรา​ก็​ถูก​ตรวจ​สอบ. กระนั้น เรา​ทำ​งาน​ต่อ​ไป​อย่าง​สุขุม.—มัดธาย 10:16.

เมื่อ​สงคราม​รุนแรง​ขึ้น ผม​ถูก​เกณฑ์​เข้า​กองทัพ​แม้​จะ​อายุ​มาก​กว่า 35 ปี​แล้ว​ก็​ตาม. เนื่อง​จาก​รักษา​ความ​เป็น​กลาง​แบบ​คริสเตียน ผม​จึง​ปฏิเสธ​ที่​จะ​เข้า​ร่วม​ใน​สงคราม. (ยะซายา 2:2-4) น่า​ยินดี ก่อน​เจ้าหน้าที่​ตัดสิน​ว่า​จะ​ทำ​อย่าง​ไร​กับ​ผม ทุก​คน​ที่​อายุ​รุ่น​ราว​คราว​เดียว​กับ​ผม​ถูก​ปล่อย​ตัว.

เรา​ตระหนัก​ว่า พี่​น้อง​ที่​อยู่​ใน​เมือง​จัด​หา​สิ่ง​จำเป็น​สำหรับ​ชีวิต​ได้​ยาก​กว่า​พวก​เรา​ซึ่ง​อยู่​ใน​เขต​ชนบท. เรา​ต้องการ​แบ่ง​ปัน​สิ่ง​ที่​เรา​มี. (2 โกรินโธ 8:14) ด้วย​เหตุ​นี้ เรา​จึง​ขน​อาหาร​มาก​เท่า​ที่​เรา​สามารถ​ขน​ไป​ได้​และ​เดิน​ทาง​ไกล​กว่า 500 กิโลเมตร​ข้าม​ประเทศ​ไป​ยัง​บราทิสลาวา. สาย​สัมพันธ์​แห่ง​มิตรภาพ​และ​ความ​รัก​แบบ​คริสเตียน​ที่​เรา​ก่อ​ขึ้น​ใน​ช่วง​สงคราม ช่วย​เกื้อ​หนุน​เรา​ใน​ช่วง​หลาย​ปี​อัน​ยาก​ลำบาก​ที่​รอ​เรา​อยู่​ข้าง​หน้า.

ได้​รับ​การ​หนุน​ใจ​ที่​จำเป็น

หลัง​สงคราม​โลก​ครั้ง​ที่ 2 ส​โล​วะ​เกีย​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ของ​เชโกสโลวะเกีย​อีก​ครั้ง. นับ​ตั้ง​แต่​ปี 1946 จน​ถึง​ปี 1948 มี​การ​จัด​การ​ประชุม​ภาค​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ทั่ว​ประเทศ​ทั้ง​ใน​เมือง​เบอร์โน​และ​ใน​กรุง​ปราก. พวก​เรา​เดิน​ทาง​จาก​ส​โล​วะ​เกีย​ตะวัน​ออก​โดย​รถไฟ​ขบวน​พิเศษ​ที่​จัด​ขึ้น​เพื่อ​ตัว​แทน​ที่​จะ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​ภาค. คุณ​อาจ​เรียก​รถไฟ​ขบวน​นี้​ว่า รถไฟ​ร้อง​เพลง เพราะ​พวก​เรา​ร้อง​เพลง​ตลอด​ทาง.—กิจการ 16:25.

การ​ประชุม​ภาค​ที่​ผม​จำ​ได้​เป็น​พิเศษ​คือ การ​ประชุม​ภาค​ปี 1947 ที่​เมือง​เบอร์โน ซึ่ง​เป็น​การ​ประชุม​ที่​มี​ผู้​ดู​แล​คริสเตียน​จาก​สำนักงาน​ใหญ่​สาม​คน​เข้า​ร่วม​ด้วย รวม​ไป​ถึง​บราเดอร์ นาทาน เอช. นอรร์. เพื่อ​จะ​โฆษณา​คำ​บรรยายสาธารณะ พวก​เรา​หลาย​คน​เดิน​รอบ​เมือง​พร้อม​ทั้ง​คล้อง​แผ่น​ป้าย​ประกาศ​ทั้ง​หน้า​และ​หลัง​เพื่อ​แจ้ง​อรรถบท​ของ​คำ​บรรยาย. เอดูอาร์ด ลูก​ชาย​ของ​เรา​ซึ่ง​อายุ​แค่​เก้า​ขวบ​ใน​ตอน​นั้น รู้สึก​เสียใจ​มาก​ที่​ไม่​ได้​แขวน​แผ่น​ป้าย. ดัง​นั้น พี่​น้อง​จึง​ไม่​เพียง​ทำ​ป้าย​แขวน​เล็ก ๆ อัน​หนึ่ง​ให้​เขา​เท่า​นั้น แต่​ยัง​ทำ​อีก​หลาย​แผ่น​ให้​เด็ก​คน​อื่น​ด้วย. เด็ก​กลุ่ม​นี้​โฆษณา​คำ​บรรยาย​ได้​เป็น​อย่าง​ดี!

ใน​เดือน​กุมภาพันธ์ ปี 1948 พวก​คอมมิวนิสต์​ขึ้น​ครอง​อำนาจ. เรา​รู้​ว่า​ไม่​ช้า​ก็​เร็ว รัฐบาล​จะ​ดำเนิน​การ​สั่ง​ห้าม​งาน​ประกาศ​ของ​เรา. เดือน​กันยายน​ปี 1948 มี​การ​จัด​การ​ประชุม​ภาค​ขึ้น​ใน​กรุง​ปราก และ​เรา​มี​ใจ​แรง​กล้า​เมื่อ​เรา​คาด​หมาย​ล่วง​หน้า​ว่า จะ​มี​การ​สั่ง​ห้าม​การ​ชุมนุม​กัน​อย่าง​เปิด​เผย​ของ​เรา​หลัง​จาก​ที่​มี​อิสระ​ใน​การ​ประชุม​ได้​เพียง​สาม​ปี. ก่อน​ออก​ไป​จาก​การ​ประชุม​ภาค เรา​รับ​เอา​มติ​หนึ่ง​ที่​กล่าว​ใน​บาง​ส่วน​ว่า “เรา พยาน​พระ​ยะโฮวา ที่​ได้​มา​ประชุม​ร่วม​กัน . . . ตั้งใจ​แน่วแน่​ที่​จะ​เพิ่ม​พูน​งาน​รับใช้​ซึ่ง​ทำ​ให้​ได้​รับ​พระ​พร​ให้​มาก​ยิ่ง​ขึ้น และ​โดย​ทาง​พระ​กรุณา​อัน​ไม่​พึง​ได้​รับ​ของ​องค์​พระ​ผู้​เป็น​เจ้า เรา​ตั้งใจ​แน่วแน่​ที่​จะ​บากบั่น​พยายาม​ทั้ง​ใน​ยาม​นี้​และ​ยาม​ยาก​ลำบาก และ​เรา​ตั้งใจ​แน่วแน่​ที่​จะ​ประกาศ​กิตติคุณ​เรื่อง​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ด้วย​ใจ​แรง​กล้า​มาก​ยิ่ง​ขึ้น.”

“ศัตรู​ของ​รัฐ”

เพียง​สอง​เดือน​หลัง​การ​ประชุม​ภาค​ที่​กรุง​ปราก ตำรวจ​ลับ​ได้​เข้า​ตรวจ​ค้น​บ้าน​เบเธล​ใกล้​กรุง​ปราก. พวก​เขา​ยึด​ทรัพย์​สิน, ริบ​สรรพหนังสือ​ใด ๆ ก็​ตาม​ที่​พบ, และ​จับ​กุม​สมาชิก​ครอบครัว​เบเธล​ทุก​คน​รวม​ทั้ง​พี่​น้อง​ชาย​คน​อื่น​บาง​คน​ด้วย. แต่​ยัง​มี​อีก​มาก​ที่​เรา​ต้อง​เจอ.

ระหว่าง​คืน​วัน​ที่ 3 และ 4 กุมภาพันธ์ 1952 กอง​กำลัง​รักษา​ความ​ปลอด​ภัย​กวาด​ล้าง​ทั้ง​ประเทศ​และ​จับ​กุม​พยาน​ฯ มาก​กว่า 100 คน. ผม​เป็น​หนึ่ง​ใน​พวก​ที่​ถูก​จับ​ด้วย. ประมาณ​ตี​สาม ตำรวจ​ปลุก​ทุก​คน​ใน​ครอบครัว​ของ​ผม. เขา​บอก​ให้​ผม​ไป​กับ​พวก​เขา​โดย​ไม่​มี​การ​อธิบาย​ใด ๆ ทั้ง​สิ้น. ผม​ถูก​ใส่​กุญแจ​มือ​อีก​ทั้ง​ถูก​ปิด​ตา และ​ถูก​โยน​ขึ้น​หลัง​รถ​บรรทุก​รวม​กับ​อีก​หลาย ๆ คน. ท้าย​ที่​สุด ผม​ถูก​ขัง​เดี่ยว.

ตลอด​ทั้ง​เดือน​ผ่าน​ไป​โดย​ไม่​มี​ใคร​สัก​คน​พูด​กับ​ผม. คน​เดียว​ที่​ผม​เห็น​คือ​ยาม​ที่​ส่ง​อาหาร​อัน​น้อย​นิด​ผ่าน​ทาง​ช่อง​ประตู. ครั้น​แล้ว ผม​ก็​ถูก​เรียก​ตัว​โดย​พนักงาน​สอบสวน​ที่​กล่าว​ถึง​ใน​ตอน​ต้น. หลัง​จาก​ที่​หา​ว่า​ผม​เป็น​สาย​ลับ เขา​กล่าว​ต่อ​ไป​ว่า “ศาสนา​เป็น​เรื่อง​โง่ ๆ. ไม่​มี​พระเจ้า​จริง ๆ หรอก! เรา​ไม่​ยอม​ให้​แก​หลอก​ลวง​ชน​ชั้น​แรงงาน​ของ​เรา. แก​จะ​ถูก​แขวน​คอ​หรือ​ตาย​อยู่​ใน​คุก​นี่​แหละ. และ​ถ้า​พระเจ้า​ของ​แก​มา​ที่​นี่​ล่ะ​ก็ เรา​จะ​ฆ่า​ทิ้ง​เสีย​ด้วย!”

เนื่อง​จาก​พวก​เจ้าหน้าที่​รู้​ว่า ไม่​มี​กฎหมาย​เฉพาะ​เจาะจง​ที่​ห้าม​กิจกรรม​ของ​คริสเตียน พวก​เขา​ต้องการ​นิยาม​กิจกรรม​ของ​เรา​เสีย​ใหม่​ให้​เหมาะ​กับ​กฎหมาย​ที่​มี​อยู่ โดย​พรรณนา​ว่า​เรา​เป็น “ศัตรู​ของ​รัฐ” และ​เป็น​สาย​ลับ​ของ​พวก​ต่าง​ชาติ. เพื่อ​ที่​จะ​ทำ​เช่น​นั้น พวก​เขา​จำเป็น​ต้อง​ทำลาย​ความ​มุ่ง​มั่น​ของ​เรา และ​ต้องการ​ให้​เรา “ยอม​รับ” ข้อ​กล่าวหา​เท็จ. หลัง​จาก​ถูก​สอบสวน​ใน​คืน​นั้น ผม​ไม่​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​นอน​หลับ. ภาย​ใน​ไม่​กี่​ชั่วโมง ผม​ถูก​สอบสวน​อีก​ครั้ง. คราว​นี้ พนักงาน​สอบสวน​ต้องการ​ให้​ผม​เซ็น​คำ​แถลง​ที่​บอก​ว่า “ข้าพเจ้า​เป็น​ศัตรู​ของ​ประชาธิปไตย​ของ​ประชาชน​แห่ง​เชโกสโลวะเกีย ซึ่ง​ไม่​ยอม​เข้า​ร่วม​กับ [ฟาร์ม​ของ​ชุมชน] เนื่อง​จาก​ข้าพเจ้า​กำลัง​คอย​พวก​อเมริกัน.” เมื่อ​ผม​ไม่​ยอม​เซ็น​คำ​โกหก​นี้ ผม​ถูก​ส่ง​ไป​ห้อง​ขัง​ดัด​นิสัย.

เขา​ห้าม​ไม่​ให้​ผม​หลับ, นอน, หรือ​แม้​แต่​จะ​นั่ง. ผม​ทำ​ได้​แค่​ยืน​หรือ​เดิน. เมื่อ​ผม​รู้สึก​อ่อน​ล้า ผม​จึง​นอน​ลง​บน​พื้น​คอนกรีต. ผู้​คุม​จึง​พา​ผม​กลับ​ไป​ที่ห้อง​สอบสวน. พนักงาน​สอบสวน​ถาม​ว่า “ตอน​นี้​คุณ​จะ​เซ็น​ได้​รึ​ยัง?” เมื่อ​ผม​ปฏิเสธ เขา​ตบ​หน้า​ผม​จน​เลือด​กำเดา​ไหล. แล้ว​เขา​ก็​สั่ง​ผู้​คุม​ด้วย​เสีย​กร้าว​ว่า “เขา​อยาก​ฆ่า​ตัว​ตาย. เฝ้า​ไว้​ให้​ดี ๆ!” ผม​ถูก​ส่ง​กลับ​ไป​ขัง​เดี่ยว​อีก. เป็น​เวลา​หก​เดือน​ที่​มี​การ​สอบสวน​แบบ​นี้​ซ้ำ​แล้ว​ซ้ำ​อีก​ใน​หลาย​โอกาส. การ​โน้ม​น้าว​ความ​คิด​หรือ​ความ​พยายาม​ต่าง ๆ ไม่​มี​ทาง​ทำ​ให้​ผม​ยอม​รับ​ว่า ผม​เป็น​ศัตรู​ของ​รัฐ ซึ่ง​จะ​ทำ​ให้​ความ​ตั้งใจ​ที่​จะ​รักษา​ความ​ซื่อ​สัตย์​มั่นคง​ต่อ​พระ​ยะโฮวา​ลด​น้อย​ลง.

หนึ่ง​เดือน​ก่อน​ที่​ผม​จะ​ขึ้น​ศาล อัยการ​คน​หนึ่ง​มา​จาก​กรุง​ปราก​ได้​สอบสวน​พี่​น้อง​ของ​เรา​แต่​ละ​คน​ใน​กลุ่ม​ซึ่ง​มี​อยู่ 12 คน. เขา​ถาม​ผม​ว่า “คุณ​จะ​ทำ​อย่าง​ไร​ถ้า​พวก​จักรวรรดิ​นิยม​ตะวัน​ตก​โจมตี​ประเทศ​ของ​เรา?” “ผม​จะ​ทำ​ใน​สิ่ง​ที่​ผม​ได้​ทำ​เมื่อ​ประเทศ​นี้​ร่วม​มือ​กับ​ฮิตเลอร์​โจมตี​สหภาพ​โซเวียต. ตอน​นั้น​ผม​ไม่​ได้​เข้า​ร่วม​ใน​การ​สู้​รบ และ​ตอน​นี้​ผม​ก็​จะ​ไม่​เข้า​ร่วม​เพราะ​ผม​เป็น​คริสเตียน​และ​เป็น​กลาง.” แล้ว​เขา​ก็​บอก​ผม​ว่า “เรา​ไม่​ยอม​ผ่อน​ผัน​ให้​พวก​พยาน​พระ​ยะโฮวา​หรอก. เรา​ต้องการ​ทหาร​เมื่อ​พวก​จักรวรรดิ​นิยม​ตะวัน​ตก​โจมตี​เรา และ​เรา​ต้องการ​ทหาร​เพื่อ​ปลด​ปล่อย​ชน​ชั้น​แรงงาน​ของ​เรา​ที่​อยู่​ใน​ประเทศ​ทาง​ตะวัน​ตก.”

วัน​ที่ 24 กรกฎาคม 1953 เรา​ถูก​พา​ตัว​เข้า​ไป​ใน​ห้อง​พิจารณา​คดี. พวก​เรา 12 คน​ถูก​เรียก​ตัว​มา​ที​ละ​คน​ให้​มา​อยู่​ต่อ​หน้า​คณะ​ผู้​พิพากษา. เรา​ฉวย​โอกาส​ให้​คำ​พยาน​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ​ของ​เรา. หลัง​จาก​ให้​การ​ต่อ​ข้อ​กล่าวหา​เท็จ​ที่​ถา​โถม​เข้า​ใส่​เรา ทนาย​ความ​คน​หนึ่ง​ลุก​ขึ้น​ยืน​และ​กล่าว​ว่า “ข้าพเจ้า​เคย​เข้า​มา​ใน​ห้อง​พิจารณา​คดี​นี้​หลาย​ครั้ง. ตาม​ปกติ​แล้ว จะ​มี​การ​สารภาพ, การ​กลับ​ใจ, และ​กระทั่ง​การ​หลั่ง​น้ำตา​มาก​มาย. แต่​เมื่อ​คน​พวก​นี้​ออก​จาก​ที่​นี่​ไป​พวก​เขา​จะ​เข้มแข็ง​กว่า​ตอน​ที่​พวก​เขา​เดิน​เข้า​มา​ด้วย​ซ้ำ.” หลัง​จาก​นั้น เรา​ทั้ง​หมด 12 คน​ถูก​ประกาศ​ว่า​มี​ความ​ผิด​ฐาน​คิด​กบฏ​ต่อ​รัฐ. ผม​ถูก​พิพากษา​จำ​คุก​สาม​ปี​และ​ทรัพย์​สิน​ทั้ง​หมด​ถูก​ริบ​เป็น​ของ​รัฐ.

ความ​ชรา​ไม่​อาจ​ขัด​ขวาง​ผม​ได้

หลัง​จาก​กลับ​บ้าน ผม​ยัง​คง​ถูก​พวก​ตำรวจ​ลับ​เฝ้า​จับตา​ดู. แม้​จะ​เป็น​อย่าง​นั้น ผม​ทำ​กิจกรรม​ตาม​ระบอบ​ของ​พระเจ้า​อย่าง​เดิม และ​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ดู​แล​สิ่ง​ฝ่าย​วิญญาณ​ใน​ประชาคม​ของ​เรา. แม้​ว่า​เรา​ได้​รับ​อนุญาต​ให้​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​ที่​ถูก​ยึด แต่​ใน​อีก​ประมาณ 40 ปี​ต่อ​มา บ้าน​หลัง​นี้​ก็​กลับ​มา​เป็น​ของ​เรา​อย่าง​ถูก​ต้อง​ตาม​กฎหมาย​หลัง​จาก​ลัทธิ​คอมมิวนิสต์​ล่ม​สลาย.

ผม​ไม่​ใช่​สมาชิก​ใน​ครอบครัว​คน​สุด​ท้าย​ที่​ถูก​จำ​คุก. ผม​กลับ​มา​บ้าน​ได้​เพียง​สาม​ปี​เท่า​นั้น เมื่อ​เอดูอาร์ด​ถูก​เกณฑ์​เข้า​กองทัพ. เนื่อง​จาก​สติ​รู้สึก​ผิด​ชอบ​ที่​ได้​รับ​การ​ฝึก​โดย​ทาง​คัมภีร์​ไบเบิล เขา​จึง​ปฏิเสธ​และ​ถูก​จำ​คุก. หลาย​ปี​ต่อ​มา ปีเตอร์​ซึ่ง​เป็น​หลาน​ชาย​ของ​ผม​ก็​มี​ประสบการณ์​อย่าง​เดียว​กัน​นี้​ทั้ง ๆ ที่​เขา​สุขภาพ​ไม่​ดี.

ใน​ปี 1989 การ​ปกครอง​แบบ​คอมมิวนิสต์​ใน​เชโกสโลวะเกีย​ล่ม​สลาย. ผม​รู้สึก​มี​ความ​สุข​จริง ๆ ที่​สามารถ​ประกาศ​ตาม​บ้าน​ได้​อย่าง​อิสระ​หลัง​จาก​ถูก​สั่ง​ห้าม​นาน​ถึง​สี่​ทศวรรษ! (กิจการ 20:20) ผม​เพลิดเพลิน​กับ​งาน​รับใช้​แบบ​นี้​เท่า​ที่​สุขภาพ​ของ​ผม​อำนวย​ให้. ตอน​นี้​ผม​อายุ 98 ปี สุขภาพ​ไม่​ดี​เหมือน​เมื่อ​ก่อน แต่​ผม​รู้สึก​ยินดี​ที่​ยัง​สามารถ​ให้​คำ​พยาน​แก่​ผู้​คน​เกี่ยว​กับ​คำ​สัญญา​อัน​รุ่ง​โรจน์​ของ​พระ​ยะโฮวา​สำหรับ​อนาคต.

ผม​สามารถ​นับ​เหล่า​ประมุข​ของ​ประเทศ​ต่าง ๆ ห้า​ประเทศ​รวม​ทั้ง​หมด 12 คน​ที่​ขึ้น​มา​ปกครอง​บ้าน​เกิด​เมือง​นอน​ของ​ผม. มี​ทั้ง​เผด็จการ, ประธานาธิบดี, และ​กษัตริย์. ไม่​มี​ใคร​สัก​คน​มี​วิธี​แก้​ปัญหา​ถาวร​สำหรับ​ความ​ยุ่งยาก​ซึ่ง​สร้าง​ความ​ยาก​ลำบาก​แก่​ประชาชน​ที่​พวก​เขา​ปกครอง. (บทเพลง​สรรเสริญ 146:3, 4) ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​พระ​ยะโฮวา​ที่​ทรง​ให้​ผม​มี​โอกาส​รู้​จัก​พระองค์​ตั้ง​แต่​ช่วง​ต้น ๆ ของ​ชีวิต. ด้วย​เหตุ​นี้ ผม​จึง​สามารถ​หยั่ง​รู้​ค่า​การ​แก้​ปัญหา​ของ​พระองค์​โดย​ทาง​ราชอาณาจักร​มาซีฮา และ​หลีก​เลี่ยง​ความ​ไร้​ประโยชน์​ของ​ชีวิต​ที่​ไม่​หมาย​พึ่ง​พระเจ้า. ผม​ประกาศ​ข่าว​ที่​ดี​ที่​สุด​อย่าง​กระตือรือร้น​มาก​กว่า 75 ปี และ​การ​ทำ​เช่น​นี้​ทำ​ให้​ผม​มี​ชีวิต​ที่​มี​จุด​มุ่ง​หมาย, มี​ความ​อิ่ม​ใจ​พอ​ใจ, และ​มี​ความ​หวัง​อัน​สดใส​ใน​เรื่อง​ชีวิต​ตลอด​ไป​บน​แผ่นดิน​โลก. ผม​ยัง​ต้องการ​อะไร​อีก​ล่ะ? *

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 14 จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา แต่​ปัจจุบัน​งด​พิมพ์​แล้ว.

^ วรรค 38 น่า​เศร้า ใน​ที่​สุด​บราเดอร์​มีคาล โซบรัก​ก็​หมด​กำลัง​วังชา. เขา​เสีย​ชีวิต​อย่าง​คน​ซื่อ​สัตย์​ด้วย​ความ​เชื่อ​มั่น​ใน​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​ขณะ​มี​การ​เตรียม​จะ​พิมพ์​บทความ​นี้.

[ภาพ​หน้า 26]

ไม่​นาน​หลัง​วัน​แต่งงาน

[ภาพ​หน้า 26]

กับ​เอดูอาร์ด​ใน​ช่วง​ต้น​ทศวรรษ 1940

[ภาพ​หน้า 27]

โฆษณา​การ​ประชุม​ภาค​ที่​เมือง​เบอร์โน​ใน​ปี 1947