จงไว้วางใจพระยะโฮวาขณะอวสานใกล้เข้ามา
จงไว้วางใจพระยะโฮวาขณะอวสานใกล้เข้ามา
“ท่านทั้งหลายจงวางใจในพระยะโฮวาเสมอเป็นนิจ.”—ยซา. 26:4
1. ผู้รับใช้ของพระเจ้าแตกต่างกับผู้คนในโลกอย่างไร?
เราอยู่ในโลกที่หลายล้านคนไม่รู้ว่าจะไว้ใจใครหรือไว้ใจอะไรได้อีกต่อไป ซึ่งก็อาจเป็นเพราะพวกเขาเจ็บปวดหรือผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีก. ช่างต่างกันจริง ๆ กับผู้รับใช้ของพระยะโฮวา! เนื่องจากได้รับการชี้นำจากสติปัญญาของพระเจ้า พวกเขารู้ว่าไม่ควรไว้วางใจโลกนี้หรือ “พวกเจ้านาย.” (เพลง. 146:3) แทนที่จะทำอย่างนั้น พวกเขาฝากชีวิตและอนาคตของตนไว้ในพระหัตถ์ของพระยะโฮวา โดยรู้ว่าพระองค์ทรงรักพวกเขาและพระองค์ทรงทำตามที่ตรัสเสมอ.—โรม 3:4; 8:38, 39
2. ยะโฮซูอะยืนยันอย่างไรว่าพระเจ้าทรงสมควรได้รับความไว้วางใจ?
2 ยะโฮซูอะยืนยันว่าพระเจ้าสมควรได้รับความไว้วางใจ. ท่านกล่าวกับเพื่อนร่วมชาติชาวอิสราเอลในช่วงท้ายของชีวิตว่า “ท่านทั้งหลายก็รู้แน่ในใจว่า, ในสิ่งสารพัตรอันดีนั้น, ซึ่งยะโฮวาพระเจ้าของท่านทรงตรัสถึงท่านแล้วยโฮ. 23:14
หาได้ขาดสักสิ่งเดียวไม่; สรรพสิ่งเหล่านั้นก็สำเร็จแก่ท่านแล้ว.”—3. พระนามของพระเจ้าเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับพระองค์?
3 พระยะโฮวาทรงทำตามสัญญาไม่เพียงเพราะพระองค์รักผู้รับใช้ของพระองค์ แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะเห็นแก่พระนามของพระองค์. (เอ็ก. 3:14; 1 ซามู. 12:22) คำนำของดิ เอมฟาไซสด์ ไบเบิล โดย เจ. บี. รอเทอร์แฮมกล่าวเกี่ยวกับพระนามของพระเจ้าไว้ว่า “[พระนามนี้] ได้กลายมาเป็นคำสัญญาที่งดงามที่สุด; เป็นความสามารถของพระเจ้าที่จะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับสถานการณ์, ความยุ่งยากลำบาก, หรือความจำเป็นใด ๆ ที่อาจเกิดขึ้น . . . [พระนามนี้] เป็นคำมั่นสัญญา, เปิดเผยเกี่ยวกับพระเจ้า, และทำให้เราระลึกถึงพระองค์. พระเจ้าจะทรงซื่อสัตย์ต่อพระนามนี้เสมอ; พระองค์จะไม่มีวันละอายเพราะพระนามนี้.”
4. (ก) ยะซายา 26:4 กระตุ้นเตือนเราให้ทำอะไร? (ข) เราจะพิจารณาอะไรในบทความนี้?
4 ขอให้ถามตัวเองว่า ‘ฉันรู้จักพระยะโฮวาดีพอที่จะไว้วางใจพระองค์อย่างเต็มที่ไหม? ฉันเผชิญอนาคตด้วยความมั่นใจไหมโดยรู้ว่าพระเจ้าทรงควบคุมทุกสิ่ง?’ ยะซายา 26:4 กล่าวว่า “ท่านทั้งหลายจงวางใจในพระยะโฮวาเสมอเป็นนิจ; เพราะพระยะโฮวา, คือพระยะโฮวาพระองค์เอง, เป็นศิลาที่ตั้งมั่นคงไม่รู้สิ้นสุดเลย.” จริงอยู่ เดี๋ยวนี้พระเจ้าไม่ทรงเข้าแทรกแซงชีวิตของผู้คนด้วยวิธีอัศจรรย์เหมือนที่พระองค์เคยทำในบางโอกาสในสมัยคัมภีร์ไบเบิล. อย่างไรก็ตาม ในฐานะ “ศิลาที่ตั้งมั่นคงไม่รู้สิ้นสุด” เราสามารถไว้วางใจพระองค์ “เสมอเป็นนิจ.” พระเจ้าของเราผู้คู่ควรได้รับความไว้วางใจทรงช่วยผู้นมัสการที่ซื่อสัตย์ในสมัยปัจจุบันอย่างไร? ขอให้เราพิจารณาสามแนวทางที่พระองค์ทรงทำเช่นนั้น: พระองค์ทรงเสริมกำลังเมื่อเราขอให้พระองค์ช่วยเราต้านทานการล่อใจ, พระองค์ทรงสนับสนุนเราเมื่อต้องรับมือความไม่แยแสหรือการต่อต้านซึ่งหน้า, และพระองค์ทรงชูใจเราเมื่อมีเรื่องที่ทำให้เราวิตกกังวล. เมื่อพิจารณาแง่มุมเหล่านี้ จงใคร่ครวญว่าคุณจะไว้วางใจพระยะโฮวามากขึ้นได้อย่างไร.
ไว้วางใจพระเจ้า เมื่อถูกล่อใจให้ทำผิด
5. การทดสอบความไว้วางใจของเราที่มีต่อพระเจ้าในเรื่องใดที่รับมือได้ยากกว่า?
5 การไว้วางใจพระยะโฮวาในเรื่องคำสัญญาเกี่ยวกับอุทยานหรือการกลับเป็นขึ้นจากตายซึ่งเป็นสิ่งที่เราคอยท่าอย่างใจจดใจจ่อนั้นไม่ใช่เรื่องยาก. แต่เป็นเรื่องยากกว่าที่เราจะไว้วางใจพระองค์เมื่อเราต้องตัดสินใจว่าจะทำตามมาตรฐานด้านศีลธรรมของพระองค์หรือไม่ กล่าวคือการที่เราจะเชื่อมั่นอย่างแท้จริงว่าการทำตามวิธีและมาตรฐานของพระองค์เป็นสิ่งที่ถูกต้องและจะทำให้มีความสุขมากที่สุด. กษัตริย์โซโลมอนเตือนว่า “จงวางใจในพระยะโฮวาด้วยสุดใจของเจ้า, อย่าพึ่งในความเข้าใจของตนเอง: จงรับพระองค์ให้เข้าส่วนในทางทั้งหลายของเจ้า, และพระองค์จะชี้ทางเดินของเจ้าให้แจ่มแจ้ง.” (สุภา. 3:5, 6) ขอให้สังเกตว่าข้อนี้พูดถึง “ทาง” และ “ทางเดิน” ของเรา. ใช่แล้ว ความหวังที่เรามีในฐานะคริสเตียนควรแสดงให้เห็นว่าเราไว้วางใจพระเจ้า. แต่ไม่ใช่เพียงเท่านั้น วิถีชีวิตทั้งสิ้นของเราควรแสดงให้เห็นอย่างนั้นด้วย. เราจะแสดงให้เห็นได้อย่างไรว่าเราไว้วางใจพระเจ้าเมื่อเกิดการล่อใจ?
6. เราจะเสริมความตั้งใจแน่วแน่ที่จะปฏิเสธความคิดที่ไม่ดีได้อย่างไร?
โรม 8:5; เอเฟโซส์ 2:3) ถ้าอย่างนั้น คุณจะเสริมความตั้งใจแน่วแน่ที่จะปฏิเสธความคิดที่ไม่ดีได้อย่างไร? ขอให้พิจารณาห้าวิธีต่อไปนี้: 1. ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน. (มัด. 6:9, 13) 2. ใคร่ครวญตัวอย่างที่มีบันทึกไว้ในคัมภีร์ไบเบิลเกี่ยวกับคนที่ไม่ฟังพระยะโฮวาและคนที่ฟังพระองค์. แล้วสังเกตว่าพวกเขาได้รับผลอย่างไร. * (1 โค. 10:8-11) 3. ใคร่ครวญผลเสียหายทางจิตใจและอารมณ์ที่บาปอาจทำให้เกิดขึ้นกับคุณและคนที่คุณรัก. 4. คิดว่าพระเจ้าจะรู้สึกอย่างไรเมื่อผู้รับใช้ของพระองค์ทำบาปร้ายแรง. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 78:40, 41) 5. นึกภาพความยินดีในพระทัยพระยะโฮวาเมื่อทรงเห็นผู้นมัสการที่ภักดีปฏิเสธสิ่งชั่วและทำสิ่งที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะในที่สาธารณะหรือในที่ส่วนตัว. (เพลง. 15:1, 2; สุภา. 27:11) คุณเองจะแสดงให้เห็นได้ด้วยว่าคุณไว้วางใจพระยะโฮวา.
6 การหันหนีจากสิ่งชั่วเริ่มต้นที่ความคิด. (อ่านไว้วางใจพระเจ้า เมื่อเผชิญความไม่แยแส และการต่อต้าน
7. ยิระมะยาห์เผชิญการทดสอบอะไร และบางครั้งท่านรู้สึกอย่างไร?
7 พี่น้องของเราหลายคนรับใช้ในเขตที่ต้องอดทนเป็นพิเศษ. ผู้พยากรณ์ยิระมะยาห์รับใช้ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น คือในช่วงท้าย ๆ ของอาณาจักรยูดาห์ที่สับสนอลหม่าน. ท่านถูกทดสอบความเชื่อไม่เว้นแต่ละวัน เพราะท่านเชื่อฟังพระเจ้าโดยการประกาศข่าวสารการพิพากษาของพระองค์. เมื่อถึงเวลาหนึ่ง แม้แต่บารุคเลขานุการที่ภักดีของท่านก็บ่นด้วยความเหนื่อยอ่อน. (ยิระ. 45:2, 3) ยิระมะยาห์ท้อใจไหม? ในบางโอกาสท่านรู้สึกหดหู่อยู่เหมือนกัน. ท่านคร่ำครวญว่า “ให้วันที่ข้าพเจ้าเกิดนั้น, เป็นที่แช่ง! . . . เหตุผลประการใดตัวข้าพเจ้าได้ออกมาจากครรภ์เห็นการลำบากแลความทุกข์, เมื่อวันคืนทั้งหลายของข้าพเจ้าจะศูนย์ไปด้วยความละอายเล่า?”—ยิระ. 20:14, 15, 18
8, 9. สอดคล้องกับยิระมะยา 17:7, 8 และบทเพลงสรรเสริญ 1:1-3 เราต้องทำอะไรเพื่อจะเกิดผลที่ดีต่อ ๆ ไป?
8 กระนั้น ยิระมะยาห์ไม่ยอมแพ้. ท่านไว้วางใจพระยะโฮวาต่อ ๆ ไป. ผลก็คือ ผู้พยากรณ์ที่ซื่อสัตย์ผู้นี้ประสบด้วยตัวเองว่าคำตรัสของพระยะโฮวาที่บันทึกในยิระมะยา 17:7, 8 เป็นความจริง ที่ว่า “ความสุขมากหลายจะมีแก่คนนั้นผู้ได้วางใจในพระยะโฮวา, แลที่พระยะโฮวาได้เป็นที่วางใจของตัว. เพราะเขาจะเป็นเหมือนอย่างต้นไม้อันปลูกริมน้ำทั้งหลาย, แลที่ได้แผ่รากของตัวออกตามแม่น้ำ, แลจะไม่ได้กลัวเมื่อแดดร้อนมาถึง, แต่ใบของตัวจะเขียวสด, แลจะไม่สาละวนในปีที่ฝนแล้ง, แลจะไม่หยุดเกิดผล.”
9 เช่นเดียวกับไม้ผลที่เขียวชอุ่มซึ่ง “ปลูกริมน้ำ” หรือในสวนผลไม้ที่มีระบบให้น้ำ ยิระมะยาห์ไม่เคย “หยุดเกิดผล.” ท่านไม่ยอมให้ผู้เยาะเย้ยที่ชั่วร้ายรอบตัวท่านมีอิทธิพลต่อท่าน. แทนที่จะเป็นอย่างนั้น ท่านติดสนิทอยู่กับแหล่ง “น้ำ” ที่ค้ำจุนชีวิต และใส่ใจทุกสิ่งที่พระยะโฮวาบอกท่าน. (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 1:1-3; ยิระ. 20:9) ยิระมะยาห์ช่างเป็นตัวอย่างที่ดีจริง ๆ สำหรับเรา โดยเฉพาะสำหรับผู้รับใช้พระเจ้าที่ทำงานในเขตที่ยาก! ถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น จงหมายพึ่งพระยะโฮวาอย่างเต็มที่ต่อ ๆ ไป และพระองค์จะประทานความอดทนแก่คุณขณะที่คุณ “ประกาศพระนามของพระองค์.”—ฮีบรู 13:15
10. เราได้รับพระพรอะไรบ้าง และเราควรถามตัวเองเช่นไร?
10 พระยะโฮวาประทานหลายสิ่งเพื่อช่วยเรารับมือความยุ่งยากลำบากของชีวิตในสมัยสุดท้ายนี้. นอกเหนือจากสิ่งอื่น ๆ แล้ว พระเจ้าทรงจัดให้มีพระคำครบชุด ซึ่งได้รับการแปลอย่างถูกต้องเป็นภาษาต่าง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ. พระองค์ทรงจัดให้มีอาหารฝ่ายวิญญาณตามเวลาอย่างอุดมบริบูรณ์ผ่านทางชนชั้นทาสสัตย์ซื่อและสุขุม. และพระองค์ประทานมิตรภาพที่ให้การเกื้อหนุนแก่เราโดยทางเพื่อนร่วมความเชื่อมากมาย ณ การประชุมประชาคมและการประชุมใหญ่ต่าง ๆ. คุณรับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการจัดเตรียมเหล่านี้ไหม? ทุกคนที่ทำอย่างนั้น “จะโห่ร้องด้วยความดีใจ.” แต่คนที่ไม่ฟังพระเจ้า “จะร้องไห้ด้วยความเสียใจ, และจะพิลาปร่ำไห้เพราะจิตต์ใจชอกช้ำ.”—ยซา. 65:13, 14
ไว้วางใจพระเจ้า เมื่อรับมือความวิตกกังวล
11, 12. เมื่อคำนึงถึงปัญหาต่าง ๆ ที่มีอยู่ในโลก แนวทางแห่งสติปัญญาแท้คืออะไร?
11 ดังที่บอกไว้ล่วงหน้า เวลานี้มนุษยชาติกำลังประสบความทุกข์เดือดร้อนมากขึ้นเหมือนน้ำที่ท่วมสูงขึ้นเรื่อย ๆ. (มัด. 24:6-8; วิ. 12:12) เมื่อเกิดน้ำท่วม ปฏิกิริยาตามธรรมดาของคนเราคือวิ่งไปอยู่ที่สูงหรือปีนขึ้นไปอยู่บนหลังคา—ที่ไหนก็ตามที่สูงพ้นน้ำ. คล้ายกัน เมื่อปัญหาต่าง ๆ ในโลกเพิ่มทวีขึ้น หลายล้านคนหาที่ลี้ภัยจากสถาบันต่าง ๆ ทางการเงิน, การเมือง, หรือศาสนา ตลอดจนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ดูสูงส่งในสายตาพวกเขา. แต่ไม่มีสถาบันใดเลยที่ให้ความปลอดภัยอย่างแท้จริง. (ยิระ. 17:5, 6) ตรงกันข้าม ผู้รับใช้ของพระยะโฮวามีที่ลี้ภัยที่จริงแท้แน่นอน นั่นคือ “ศิลาที่ตั้งมั่นคงไม่รู้สิ้นสุด.” (ยซา. 26:4) ผู้ประพันธ์เพลงสรรเสริญกล่าวว่า “[พระยะโฮวา] ทรงเป็นศิลาและเป็นความรอดของข้าฯ: พระองค์เป็นป้อมสูงของข้าฯ.” (อ่านบทเพลงสรรเสริญ 62:6-9) เราจะให้พระองค์ผู้ทรงเป็นศิลาเป็นที่ลี้ภัยแก่เราได้อย่างไร?
12 เราติดสนิทอยู่กับพระยะโฮวาเมื่อเราเอาใจใส่พระคำของพระองค์ ซึ่งมักตรงกันข้ามกับสติปัญญาของมนุษย์. (เพลง. 73:23, 24) ตัวอย่างเช่น ผู้คนที่ได้รับอิทธิพลจากสติปัญญาของมนุษย์อาจกล่าวว่า ‘เกิดมาทั้งที ก็น่าจะใช้ชีวิตให้เต็มที่.’ ‘หางานดี ๆ ทำสิ.’ ‘หาเงินไว้เยอะ ๆ.’ ‘ซื้อนั่นสิ ซื้อนี่สิ.’ ‘ท่องเที่ยวไปในโลก หาความสุขใส่ตัวเสียบ้าง.’ ในทางตรงกันข้าม คำแนะนำที่สอดคล้องกับสติปัญญาของพระเจ้าคือ “ให้คนที่ใช้ประโยชน์จากโลกนี้เป็นเหมือนคนที่ไม่ใช้ อย่างเต็มที่ เพราะโลกนี้กำลังเปลี่ยนไปเหมือนละครเปลี่ยนฉาก.” (1 โค. 7:31) ในทำนองเดียวกัน พระเยซูทรงกระตุ้นเตือนเราให้จัดผลประโยชน์ของราชอาณาจักรเป็นอันดับแรกเสมอ และโดยวิธีนั้นเป็นการ “สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนในสวรรค์” ซึ่งเป็นที่ที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง.—มัด. 6:19, 20
13. เมื่อคำนึงถึง 1 โยฮัน 2:15-17 เราควรถามตัวเองอย่างไร?
13 ทัศนะของคุณต่อ “โลก” และ “สิ่งของในโลก” แสดงให้เห็นไหมว่าคุณไว้วางใจพระเจ้าอย่างเต็มที่? (1 โย. 2:15-17) ความมั่งคั่งฝ่ายวิญญาณและสิทธิพิเศษในการรับใช้พระเจ้าเป็นสิ่งน่าปรารถนาและสำคัญสำหรับคุณยิ่งกว่าสิ่งต่าง ๆ ที่โลกเสนอให้ไหม? (ฟิลิป. 3:8) คุณพยายามให้ ‘ตาของคุณมองที่สิ่งเดียว’ ไหม? (มัด. 6:22) แน่นอน พระเจ้าไม่ทรงประสงค์ให้คุณขาดความรอบคอบหรือขาดความรับผิดชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณมีครอบครัวที่ต้องดูแล. (1 ติโม. 5:8) แต่พระองค์ทรงประสงค์ให้ผู้รับใช้ของพระองค์ไว้วางใจพระองค์อย่างเต็มที่ ไม่ใช่ไว้ใจโลกของซาตานที่กำลังจะพินาศ.—ฮีบรู 13:5
14-16. บางคนได้รับประโยชน์อย่างไรจากการให้ ‘ตามองที่สิ่งเดียว’ และให้ผลประโยชน์ของราชอาณาจักรมาเป็นอันดับแรกเสมอ?
14 ขอพิจารณาตัวอย่างของริชาร์ดกับรูทซึ่งมีลูกเล็ก ๆ สามคน. ริชาร์ดบอกว่า “ผมรู้สึกอยู่ลึก ๆ ว่าผมสามารถทำได้มากกว่านี้เพื่อพระยะโฮวา. ผมมีชีวิตที่สุขสบายแต่ผมรู้สึกว่าผมให้เพียงแค่ส่วนที่เหลือแก่พระเจ้า. หลังจากอธิษฐานเกี่ยวกับเรื่องนี้และคำนวณค่าใช้จ่าย ผมกับรูทตกลงกันว่าผมจะขอเจ้านายลดวันทำงานเหลือสี่วันต่อสัปดาห์ แม้ว่าประเทศที่ผมอยู่กำลังประสบวิกฤตการณ์ด้านเศรษฐกิจ. คำขอของผมได้รับการอนุมัติ และภายในเวลาหนึ่งเดือนผมก็เริ่มทำงานตามตารางเวลาใหม่นี้.” ตอนนี้ริชาร์ดรู้สึกอย่างไร?
15 เขากล่าวว่า “เงินเดือนผมลดลง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่
เดี๋ยวนี้ผมมีเวลาที่จะอยู่กับครอบครัวและสอนลูก ๆ เพิ่มขึ้น 50 วันในแต่ละปี. ผมสามารถเพิ่มเวลาทำงานประกาศเป็นสองเท่า มีรายศึกษาเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า และนำหน้าประชาคมได้มากขึ้น. และเนื่องจากผมมีเวลาอยู่กับลูกมากขึ้น รูทจึงสามารถสมัครเป็นไพโอเนียร์สมทบในบางครั้ง. ผมตั้งใจว่าจะรักษาตารางเวลานี้ไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้.”16 รอยและเพทินา ซึ่งลูกสาวคนหนึ่งยังอยู่ด้วยที่บ้าน สามารถลดเวลาทำงานอาชีพลงเพื่อทำงานรับใช้เต็มเวลาได้. รอยบอกว่า “ผมทำงานอาชีพสัปดาห์ละสามวัน และเพทินาทำสัปดาห์ละสองวัน. นอกจากนั้น เราย้ายออกจากบ้านแล้วไปอยู่อพาร์ตเมนต์ ซึ่งดูแลได้ง่ายกว่ามาก. เราเคยเป็นไพโอเนียร์ก่อนที่จะมีลูกชายและลูกสาว และเราก็ยังอยากจะเป็นไพโอเนียร์อยู่เสมอ. ดังนั้น เมื่อลูก ๆ โตขึ้น เราก็กลับไปทำงานรับใช้เต็มเวลาอีกครั้งหนึ่ง. เงินก้อนโตขนาดไหนก็ไม่อาจเทียบได้กับพระพรที่เราได้รับ.”
จงให้ “สันติสุขของพระเจ้า” ปกป้องหัวใจคุณ
17. เมื่อคำนึงถึงความไม่แน่นอนของชีวิต พระคัมภีร์ช่วยปลอบโยนคุณอย่างไร?
17 ไม่มีใครรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เพราะ “วาระและเหตุการณ์ที่ไม่ได้คาดล่วงหน้า” เกิดขึ้นกับเราทุกคน. (ผู้ป. 9:11, ล.ม.) อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอนาคตจะไม่ทำให้สันติสุขในจิตใจที่เรามีอยู่ในตอนนี้หมดไป ซึ่งมักจะเป็นอย่างนั้นกับคนที่ไม่มีสายสัมพันธ์อันอบอุ่นกับพระเจ้า. (มัด. 6:34) อัครสาวกเปาโลเขียนว่า “อย่าวิตกกังวลกับสิ่งใด แต่จงทูลทุกสิ่งที่พวกท่านปรารถนาต่อพระเจ้าโดยการอธิษฐาน และการวิงวอนพร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าซึ่งเหนือกว่าความคิดทุกอย่างจะปกป้องหัวใจและจิตใจท่านทั้งหลายไว้.”—ฟิลิป. 4:6, 7
18, 19. พระเจ้าทรงปลอบโยนเราโดยวิธีใด? จงยกตัวอย่าง.
18 พี่น้องหลายคนที่เผชิญสถานการณ์ยากลำบากมีความสงบและสันติสุขในส่วนลึกที่ได้รับจากพระยะโฮวา. พี่น้องหญิงคนหนึ่งกล่าวว่า “ศัลยแพทย์คนหนึ่งขู่ดิฉันครั้งแล้วครั้งเล่าให้ยอมรับการถ่ายเลือด. คำพูดแรก ๆ ที่ดิฉันได้ยินจากเขาก็คือ ‘ไม่รับเลือดเหรอ เหลวไหลสิ้นดี?’ ในตอนนั้นและในครั้งอื่น ๆ ดิฉันอธิษฐานถึงพระยะโฮวาในใจแล้วก็รู้สึกสงบใจ. ดิฉันรู้สึกหนักแน่นเหมือนภูผา. แม้ดิฉันอ่อนเพลียเพราะมีปริมาณเม็ดเลือดต่ำ แต่ดิฉันสามารถให้เหตุผลตามหลักพระคัมภีร์ที่สนับสนุนจุดยืนของตัวเองได้อย่างชัดเจน.”
19 บางครั้งพระเจ้าอาจประทานการสนับสนุนที่จำเป็นโดยทางเพื่อนร่วมความเชื่อที่ปลอบโยนหรือโดยจัดอาหารฝ่ายวิญญาณให้ตามเวลา. คุณคงเคยได้ยินพี่น้องพูดว่า “บทความนี้ตรงกับความต้องการของฉันพอดี. บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อฉันจริง ๆ!” ไม่ว่าสถานการณ์หรือความจำเป็นของเราอาจเป็นเช่นไร พระยะโฮวาจะทรงพิสูจน์ว่าพระองค์รักเราถ้าเราไว้วางใจพระองค์. อันที่จริง เราเป็น “แกะ” ของพระองค์ และพระองค์ทรงโปรดให้เรามีชื่อตามพระนามของพระองค์.—เพลง. 100:3; โย. 10:16; กิจ. 15:14, 17
20. เหตุใดผู้รับใช้ของพระยะโฮวาจึงอยู่อย่างปลอดภัยเมื่อโลกของซาตานถึงกาลอวสาน?
20 ใน “วันพิโรธแห่งพระยะโฮวา” ที่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งที่โลกของซาตานไว้วางใจจะถูกทำลายจนหมดสิ้น. ทอง เงิน และสิ่งมีค่าอื่น ๆ จะไม่อาจปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัยได้เลย. (ซฟัน. 1:18; สุภา. 11:4) ที่ลี้ภัยเพียงที่เดียวที่เราจะหมายพึ่งได้คือ “ศิลาที่ตั้งมั่นคงไม่รู้สิ้นสุด.” (ยซา. 26:4) ดังนั้น ขอให้เราไว้วางใจพระยะโฮวาอย่างเต็มที่ในขณะนี้โดยเชื่อฟังและดำเนินชีวิตในแนวทางอันชอบธรรมของพระองค์, โดยประกาศเรื่องราชอาณาจักรแม้เผชิญความไม่แยแสหรือการต่อต้าน, และโดยฝากความกระวนกระวายใจทั้งสิ้นไว้กับพระองค์. เมื่อเราทำอย่างนั้น เราจะ “อยู่สงบสุขปราศจากกลัวภัยของความชั่ว” อย่างแท้จริง.—สุภา. 1:33
[เชิงอรรถ]
^ วรรค 6 โปรดดูหนังสือ “เป็นที่รักของพระเจ้าเสมอ” หน้า 102-106.
คุณอธิบายได้ไหม?
เราจะไว้วางใจพระเจ้าได้อย่างไร
• เมื่อถูกล่อใจให้ทำผิด?
• เมื่อเผชิญความไม่แยแสหรือการต่อต้าน?
• เมื่อรับมือความวิตกกังวล?
[คำถาม]
[ภาพหน้า 13]
การยึดมั่นกับมาตรฐานของพระเจ้าทำให้มีความสุข
[ภาพหน้า 15]
“พระยะโฮวา . . . เป็นศิลาที่ตั้งมั่นคงไม่รู้สิ้นสุด”