ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

การรับใช้พระยะโฮวาเป็นความยินดีของผมเสมอ

การรับใช้พระยะโฮวาเป็นความยินดีของผมเสมอ

การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​เป็น​ความ​ยินดี​ของ​ผม​เสมอ

เล่า​โดย เฟรด รัสก์

ตั้ง​แต่​ผม​ยัง​เด็ก ผม​มอง​เห็น​ความ​เป็น​จริง​ของ​ถ้อย​คำ​ที่​ดาวิด​เขียน​ไว้​ใน​บทเพลง​สรรเสริญ 27:10 ที่​ว่า “เมื่อ​บิดา​มารดา​ละ​ทิ้ง​ข้าพเจ้า​แล้ว, พระ​ยะโฮวา​จะ​ทรง​รับ​ข้าพเจ้า​ไว้.” ขอ​ให้​ผม​เล่า​ว่า​ข้อ​ความ​นี้​เป็น​จริง​อย่าง​ไร​กับ​ตัว​ผม​เอง.

ผม​เติบโต​ขึ้น​มา​ใน​ไร่​ฝ้าย​ของ​ปู่​ที่​รัฐ​จอร์เจีย สหรัฐ​อเมริกา ใน​ช่วง​ภาวะ​เศรษฐกิจ​ตก​ต่ำ​ครั้ง​ใหญ่​เมื่อ​ทศวรรษ 1930. พ่อ​ผม ซึ่ง​โศก​เศร้า​อย่าง​มาก​จาก​การ​ตาย​ของ​แม่​และ​น้อง​ชาย​ผม​ที่​เพิ่ง​คลอด ทิ้ง​ผม​ไว้​ให้​อยู่​กับ​ปู่​ซึ่ง​เป็น​ม่าย และ​ย้าย​ไป​หา​งาน​ทำ​ใน​เมือง​ใหญ่​ที่​ห่าง​ไกล. ต่อ​มา พ่อ​พยายาม​หา​ทาง​ให้​ผม​ไป​อยู่​ด้วย แต่​ไม่​เคย​สำเร็จ.

ป้า​ของ​ผม​ช่วย​กัน​ดู​แล​ครอบครัว. แม้​ว่า​ปู่​ไม่​เคร่ง​ศาสนา แต่​ลูก​สาว​หลาย​คน​ของ​ปู่​เป็น​แบพติสต์​ฝ่าย​ใต้​ที่​ถือ​เคร่ง. เพราะ​ถูก​ขู่​ว่า​จะ​ถูก​ตี​ถ้า​ไม่​ไป​โบสถ์ ผม​จึง​ต้อง​ยอม​ไป​ทุก​วัน​อาทิตย์. ด้วย​เหตุ​นี้ ผม​จึง​ไม่​สนใจ​ศาสนา​ตั้ง​แต่​เด็ก. แต่​ผม​ชอบ​ไป​โรง​เรียน​และ​ชอบ​เล่น​กีฬา.

การ​เยี่ยม​ที่​ทำ​ให้​ชีวิต​ของ​ผม​เปลี่ยน​ไป

บ่าย​วัน​หนึ่ง​ใน​ปี 1941 ตอน​ที่​ผม​อายุ 15 ปี ชาย​สูง​อายุ​คน​หนึ่ง​กับ​ภรรยา​มา​ที่​บ้าน​เรา. มี​คน​แนะ​นำ​ให้​ผม​รู้​จัก​ว่า “นี่​คือ​ทัลแมดจ์ รัสก์ ลุง​ของ​เธอ.” ผม​ไม่​เคย​ได้​ยิน​เรื่อง​ของ​ลุง​คน​นี้​มา​ก่อน​เลย แต่​ก็​ได้​มา​รู้​ว่า​ลุง​กับ​ภรรยา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา. สิ่ง​ที่​ลุง​อธิบาย​เกี่ยว​กับ​พระ​ประสงค์​ของ​พระเจ้า​สำหรับ​มนุษย์​ที่​จะ​มี​ชีวิต​บน​แผ่นดิน​โลก​ตลอด​ไป​นั้น​ต่าง​กัน​มาก​กับ​สิ่ง​ที่​ผม​ได้​ยิน​ที่​โบสถ์. คน​ส่วน​ใหญ่​ใน​ครอบครัว​ผม​บอก​ปัด​สิ่ง​ที่​ลุง​กับ​ภรรยา​พูด และ​ถึง​กับ​เหยียด​หยาม​เสีย​ด้วย​ซ้ำ. ทั้ง​สอง​ถูก​ห้าม​ไม่​ให้​เข้า​บ้าน​อีก. อย่าง​ไร​ก็​ตาม อา​แมรี น้อง​สาว​ของ​พ่อ​ผม​ซึ่ง​อายุ​แก่​กว่า​ผม​แค่​สาม​ปี รับ​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​หนังสือ​บาง​เล่ม​ที่​ช่วย​อธิบาย​พระ​คัมภีร์.

หลัง​จาก​นั้น​ไม่​นาน อา​แมรี​ก็​เชื่อ​มั่น​ว่า​เธอ​พบ​ความ​จริง​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​แล้ว และ​รับ​บัพติสมา​เป็น​พยาน​พระ​ยะโฮวา​ใน​ปี 1942. เธอ​ยัง​ประสบ​กับ​สิ่ง​ที่​พระ​เยซู​ทรง​บอก​ไว้​ล่วง​หน้า​ด้วย ที่​ว่า “คน​ใน​ครอบครัว​เดียว​กัน​จะ​เป็น​ศัตรู​กัน.” (มัด. 10:34-36) มี​การ​ต่อ​ต้าน​อย่าง​หนัก​จาก​คน​ใน​ครอบครัว. พี่​สาว​คน​หนึ่ง​ของ​อา ซึ่ง​เป็น​ที่​รู้​จัก​กัน​ดี​ใน​แวดวง​สังคม​ของ​มณฑล คบ​คิด​กับ​นายก​เทศมนตรี​เพื่อ​ให้​ลุง​ทัลแมดจ์​ถูก​จับ. ข้อ​กล่าวหา​ก็​คือ​เร่​ขาย​ของ​โดย​ไม่​มี​ใบ​อนุญาต. ลุง​ถูก​ตัดสิน​ว่า​มี​ความ​ผิด.

หนังสือ​พิมพ์​ใน​ท้องถิ่น​รายงาน​ว่า​นายก​เทศมนตรี ซึ่ง​ทำ​หน้า​ที่​เป็น​ผู้​พิพากษา​ด้วย กล่าว​ต่อ​คน​ที่​อยู่​ใน​ศาล​ท้องถิ่น​ว่า “หนังสือ​ที่​ชาย​ผู้​นี้​แจก​จ่าย . . . เป็น​อันตราย​เหมือน​ยา​พิษ.” ลุง​ของ​ผม​ชนะ​คดี​ใน​ศาล​อุทธรณ์ แต่​ระหว่าง​นั้น​ก็​ต้อง​ติด​คุก​อยู่​สิบ​วัน.

วิธี​ที่​อา​แมรี​ช่วย​ผม

นอก​เหนือ​จาก​จะ​พูด​กับ​ผม​เกี่ยว​กับ​ความ​เชื่อ​ที่​เธอ​เพิ่ง​ค้น​พบ อา​แมรี​ยัง​เริ่ม​ประกาศ​กับ​เพื่อน​บ้าน​ด้วย. ผม​ไป​ด้วย​กัน​กับ​เธอ​ใน​การ​นำ​การ​ศึกษา​พระ​คัมภีร์​กับ​ชาย​คน​หนึ่ง​ซึ่ง​รับ​หนังสือ​โลก​ใหม่. * ภรรยา​ของ​ชาย​คน​นี้​บอก​ว่า​สามี​เธอ​อ่าน​หนังสือ​นี้​ทั้ง​คืน. แม้​ว่า​ผม​ไม่​อยาก​ถูก​ชัก​นำ​ให้​เข้า​ไป​เกี่ยว​ข้อง​โดย​เร็ว​กับ​สิ่ง​ใด​ก็​ตาม​ที่​เกี่ยว​กับ​ศาสนา แต่​เรื่อง​ที่​ผม​ได้​เรียน​รู้​ใน​ตอน​นั้น​เป็น​สิ่ง​ที่​ดึงดูด​ใจ​ผม​ที​เดียว. อย่าง​ไร​ก็​ตาม คำ​สอน​ตาม​หลัก​คัมภีร์​ไบเบิล​ไม่​ใช่​เหตุ​ผล​หลัก​ที่​ทำ​ให้​ผม​เชื่อ​มั่น​ว่า​พยาน​ฯ เป็น​ประชาชน​ของ​พระเจ้า หาก​แต่​เป็น​ข้อ​เท็จ​จริง​ที่​ว่า​พวก​เขา​ถูก​ต่อ​ต้าน.

ยก​ตัว​อย่าง วัน​หนึ่ง​ระหว่าง​ที่​เดิน​กลับ​บ้าน​หลัง​จาก​ไป​พรวน​ดิน​ต้น​มะเขือ​เทศ ผม​กับ​อา​แมรี​ได้​เห็น​ร่องรอย​ใน​เตา​เผา​ที่​ไฟ​ยัง​คุ​กรุ่น​อยู่​ที่​ทำ​ให้​รู้​ว่า​หนังสือ เครื่อง​เล่น​แผ่น​เสียง และ​แผ่น​เสียง​ที่​บันทึก​ข่าวสาร​ของ​คัมภีร์​ไบเบิล​ถูก​เผา​ไป​แล้ว. ผม​เดือดดาล​มาก​แต่​ป้า​คน​หนึ่ง​ตอบ​กลับ​ด้วย​ท่าที​ที่​สมเพช​ผม​ว่า “แล้ว​ที​หลัง​แก​จะ​ขอบคุณ​ที่​พวก​เรา​ทำ​อย่าง​นี้.”

อา​แมรี​ถูก​ไล่​ออก​จาก​บ้าน​ใน​ปี 1943 เพราะ​เธอ​ไม่​ยอม​ละ​ทิ้ง​ความ​เชื่อ​ที่​เพิ่ง​พบ​และ​ไม่​ยอม​เลิก​ประกาศ​กับ​เพื่อน​บ้าน. ถึง​ตอน​นั้น ผม​ตื่นเต้น​ที่​ได้​เรียน​รู้​ไม่​เพียง​แค่​ว่า​พระเจ้า​มี​พระ​นาม คือ​พระ​ยะโฮวา แต่​พระองค์​ทรง​เป็น​พระเจ้า​ที่​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​ความ​เมตตา ไม่​ใช่​พระเจ้า​ที่​เผา​ผู้​คน​ใน​ไฟ​นรก. ผม​ยัง​เรียน​รู้​ด้วย​ว่า​พระ​ยะโฮวา​ทรง​มี​องค์การ​ที่​มี​ความ​รัก แม้​ว่า​ผม​ยัง​ไม่​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม.

ต่อ​มา ขณะ​ที่​ผม​ตัด​หญ้า​อยู่ มี​รถ​คัน​หนึ่ง​ขับ​มา​หา​ผม​ช้า ๆ และ​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ใน​สอง​คน​ที่​นั่ง​มา​ใน​รถ​ถาม​ว่า​ผม​คือ​เฟรด​ใช่​ไหม. เมื่อ​ผม​รู้​ว่า​พวก​เขา​เป็น​พยาน​ฯ ผม​บอก​เขา​ว่า “ขอ​ให้​ผม​ขึ้น​รถ แล้ว​ไป​คุย​กัน​ใน​ที่​ที่​ปลอด​ภัย​ดี​ไหม.” อา​แมรี​ได้​ขอ​ให้​พวก​เขา​มา​เยี่ยม​ผม. คน​หนึ่ง​คือ​ชีลด์ ทุตจีอัน ซึ่ง​เป็น​ผู้​รับใช้​เดิน​ทาง ช่วย​หนุน​ใจ​และ​ให้​การ​ชี้​นำ​ฝ่าย​วิญญาณ​แก่​ผม​ใน​เวลา​ที่​นับ​ว่า​เหมาะ​พอ​ดี. การ​ต่อ​ต้าน​จาก​คน​ใน​ครอบครัว​ใน​ตอน​นี้​พุ่ง​มา​ที่​ผม เพราะ​ผม​ปก​ป้อง​ความ​เชื่อ​ของ​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

อา​แมรี ซึ่ง​ย้าย​ไป​อยู่​ที่​เวอร์จิเนีย เขียน​จดหมาย​มา​หา​ผม​และ​บอก​ว่า​ถ้า​ผม​ตั้งใจ​แน่วแน่​แล้ว​ว่า​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา ผม​สามารถ​ไป​อยู่​กับ​เธอ​ได้. ผม​ตัดสิน​ใจ​ทันที​ว่า​จะ​ไป. เย็น​วัน​ศุกร์​วัน​หนึ่ง​ใน​เดือน​ตุลาคม 1943 ผม​รวบ​รวม​ของ​จำเป็น​บาง​อย่าง​ใส่​ไว้​ใน​กล่อง​ใบ​หนึ่ง​แล้ว​มัด​ไว้​กับ​ต้น​ไม้​ต้น​หนึ่ง​ที่​อยู่​ห่าง​จาก​บ้าน​พอ​สม​ควร. พอ​ถึง​วัน​เสาร์ ผม​ก็​ไป​เอา​กล่อง ใช้​เส้น​ทาง​ที่​ตัด​ผ่าน​หลัง​บ้าน​ของ​เพื่อน​บ้าน​คน​หนึ่ง แล้ว​ก็​นั่ง​รถ​เข้า​เมือง. เมื่อ​เดิน​ทาง​ไป​ถึง​เมือง​โรอาโนเค ผม​ก็​พบ​อา​แมรี​ซึ่ง​อยู่​ที่​บ้าน​ของ​เอดนา โฟลส์.

ก้าว​หน้า​ฝ่าย​วิญญาณ รับ​บัพติสมา รับใช้​ที่​เบเธล

เอดนา​เป็น​พยาน​ฯ ผู้​ถูก​เจิม​ที่​เมตตา​กรุณา​เหมือน​กับ​ลิเดีย​ใน​สมัย​คัมภีร์​ไบเบิล. เธอ​เช่า​บ้าน​หลัง​ใหญ่​และ​รับ​หลาย​คน​มา​อยู่​ด้วย. นอก​จาก​อา​แมรี​แล้ว ก็​ยัง​มี​พี่​สะใภ้​ของ​เอดนา รวม​ทั้ง​ลูก​สาว​สอง​คน​ของ​เธอ​ด้วย คือ​แกลดิส​และ​เกรซ เกรกอรี. ใน​ภาย​หลัง แกลดิส​และ​เกรซ​ได้​รับใช้​เป็น​มิชชันนารี. แกลดิส ซึ่ง​ตอน​นี้​อายุ 90 กว่า​ปี ยัง​คง​รับใช้​อย่าง​ซื่อ​สัตย์​ที่​สำนักงาน​สาขา​ประเทศ​ญี่ปุ่น.

ระหว่าง​ที่​อาศัย​ใน​บ้าน​ของ​เอดนา ผม​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​เป็น​ประจำ​และ​ได้​รับ​การ​ฝึก​อบรม​ให้​ทำ​งาน​รับใช้. การ​มี​เสรีภาพ​ใน​การ​ศึกษา​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​และ​การ​ได้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​คริสเตียน​ช่วย​สนอง​ความ​กระหาย​ฝ่าย​วิญญาณ​ของ​ผม. วัน​ที่ 14 มิถุนายน 1944 ผม​รับ​บัพติสมา. อา​แมรี​และ​สอง​พี่​น้อง​ตระกูล​เกรกอรี​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​และ​ตอบรับ​งาน​มอบหมาย​ให้​ไป​รับใช้​ทาง​ตอน​เหนือ​ของ​เวอร์จิเนีย. ที่​นั่น พวก​เธอ​เป็น​กำลัง​สำคัญ​ที่​ช่วย​ก่อ​ตั้ง​ประชาคม​หนึ่ง​ขึ้น​ใน​เมือง​ลีสเบิร์ก. ต้น​ปี 1946 ผม​เริ่ม​เป็น​ไพโอเนียร์​ใน​มณฑล​ที่​อยู่​ติด​กัน. ฤดู​ร้อน​ของ​ปี​นั้น เรา​เดิน​ทาง​ด้วย​กัน​เพื่อ​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ที่​น่า​ประทับใจ​ไม่​รู้​ลืม​ซึ่ง​จัด​ที่​เมือง​คลีฟแลนด์ รัฐ​โอไฮโอ ใน​วัน​ที่ 4-11 สิงหาคม.

ณ การ​ประชุม​ภาค​ครั้ง​นั้น บร. นาทาน นอรร์ ซึ่ง​เป็น​ผู้​นำ​ใน​องค์การ​ตอน​นั้น กล่าว​ถึง​แผนการ​ที่​จะ​ขยาย​เบเธล​ที่​บรุกลิน. แผนการ​ดัง​กล่าว​รวม​ถึง​การ​สร้าง​อาคาร​ที่​พัก​ใหม่​และ​การ​สร้าง​โรง​พิมพ์​เพิ่ม. งาน​นี้​ต้อง​ใช้​พี่​น้อง​หนุ่ม​จำนวน​มาก. ผม​ตัดสิน​ใจ​ว่า​นี่​แหละ​คือ​ที่​ที่​ผม​อยาก​จะ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. ผม​จึง​ยื่น​ใบ​สมัคร และ​ภาย​ใน​ไม่​กี่​เดือน ใน​วัน​ที่ 1 ธันวาคม 1946 ผม​ก็​ไป​ที่​เบเธล.

ประมาณ​หนึ่ง​ปี​ต่อ​มา แมกซ์ ลาร์สัน ผู้​ดู​แล​โรง​พิมพ์​มา​ที่​โต๊ะ​ทำ​งาน​ผม​ที่​แผนก​ส่ง​จดหมาย. เขา​แจ้ง​ให้​ผม​ทราบ​ว่า​ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​ทำ​งาน​ที่​แผนก​การ​รับใช้. ใน​การ​ทำ​หน้า​ที่​มอบหมาย​นั้น ผม​ได้​เรียน​รู้​มาก​มาย​เกี่ยว​กับ​การ​ใช้​หลักการ​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​และ​การ​ดำเนิน​งาน​ของ​องค์การ​ของ​พระเจ้า โดย​เฉพาะ​ตอน​ที่​ทำ​งาน​กับ บร. ที. เจ. (บัด) ซัลลิแวน ผู้​ดู​แล​แผนก.

พ่อ​ได้​มา​เยี่ยม​ผม​ที่​เบเธล​หลาย​ครั้ง. ใน​บั้น​ปลาย​ชีวิต พ่อ​หัน​มา​สนใจ​ศาสนา. ครั้ง​สุด​ท้าย​ที่​พ่อ​มา​เยี่ยม​ผม​ใน​ปี 1965 พ่อ​พูด​ว่า “ลูก​จะ​ไป​เยี่ยม​พ่อ​ก็​ได้​นะ แต่​พ่อ​จะ​ไม่​มา​เยี่ยม​ลูก​ที่​นี่​อีก​แล้ว​ล่ะ.” ผม​ไป​เยี่ยม​พ่อ​สอง​สาม​ครั้ง​ก่อน​ที่​พ่อ​จะ​เสีย​ชีวิต. พ่อ​แน่​ใจ​ว่า จะ​ได้​ไป​สวรรค์. ส่วน​ผม​หวัง​ว่า​พ่อ​จะ​อยู่​ใน​ความ​ทรง​จำ​ของ​พระ​ยะโฮวา และ​ถ้า​เป็น​อย่าง​นั้น เมื่อ​ถึง​ตอน​ที่​มี​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย พ่อ​ก็​จะ​ได้​อยู่​บน​แผ่นดิน​โลก​โดย​มี​ความ​หวัง​จะ​ได้​อยู่​ตลอด​ไป​ใน​อุทยาน​ที่​ได้​รับ​การ​ฟื้นฟู ไม่​ใช่​ใน​ที่​ที่​พ่อ​คิด​ว่า​จะ​ได้​อยู่.

การ​ประชุม​ภาค​และ​การ​ก่อ​สร้าง​อื่น ๆ ที่​น่า​จด​จำ

การ​ประชุม​ภาค​เป็น​เหตุ​การณ์​สำคัญ​ที่​ทำ​ให้​มี​การ​เติบโต​ฝ่าย​วิญญาณ​เสมอ โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​ใน​การ​ประชุม​นานา​ชาติ​ซึ่ง​จัด​ขึ้น​หลาย​ครั้ง​ที่​สนาม​กีฬา​แยงกี ใน​กรุง​นิวยอร์ก​ใน​ช่วง​ทศวรรษ 1950. ใน​การ​ประชุม​ครั้ง​หนึ่ง​เมื่อ​ปี 1958 สนาม​กีฬา​แยงกี​และ​สนาม​โปโล​เต็ม​แน่น​ไป​ด้วย​ผู้​เข้า​ร่วม​การ​ประชุม​รวม​ทั้ง​สิ้น 253,922 คน​ที่​มา​จาก 123 ดินแดน. มี​เหตุ​การณ์​หนึ่ง​ใน​การ​ประชุม​ภาค​ครั้ง​นั้น​ที่​ผม​จะ​ไม่​มี​วัน​ลืม​เลย. ขณะ​ที่​ผม​กำลัง​ช่วย​แผนก​การ​ประชุม​อยู่​นั้น บร. นอรร์​สาว​เท้า​ก้าว​เข้า​มา​หา​ผม​อย่าง​เร็ว. ท่าน​บอก​ว่า “เฟรด ไม่​รู้​ว่า​ผิด​พลาด​ไป​ได้​อย่าง​ไร ผม​ลืม​มอบหมาย​ผู้​บรรยาย​ให้​พูด​กับ​ไพโอเนียร์​ทั้ง​หมด​ที่​ตอน​นี้​มา​รวม​กัน​อยู่​ใน​ห้อง​จัด​เลี้ยง​ที่​เรา​เช่า​ไว้​ซึ่ง​อยู่​ใกล้ ๆ นี่​เอง. คุณ​ช่วย​รีบ​ไป​ที่​นั่น แล้ว​ขณะ​ที่​ไป​คุณ​ก็​คิด​คำ​บรรยาย​ดี ๆ สัก​เรื่อง​หนึ่ง​ไป​บรรยาย​ให้​พวก​เขา​ฟัง​หน่อย​นะ.” ผม​อธิษฐาน​หลาย​รอบ​ก่อน​จะ​ไป​ถึง​ที่​นั่น อย่าง​กระหืดกระหอบ.

เมื่อ​ประชาคม​เพิ่ม​ขึ้น​อย่าง​มาก​ใน​กรุง​นิวยอร์ก​ระหว่าง​ทศวรรษ 1950 และ 1960 อาคาร​เช่า​ที่​ใช้​สำหรับ​หอ​ประชุม​ราชอาณาจักร​เริ่ม​ไม่​พอ. ดัง​นั้น ตั้ง​แต่​ปี 1970 ถึง 1990 เรา​ได้​ซื้อ​ตึก​สาม​หลัง​ใน​แมนฮัตตัน​และ​ปรับ​ปรุง​ให้​เป็น​สถาน​ประชุม​ที่​เหมาะ​สม. ผม​เป็น​ประธาน​ของ​คณะ​กรรมการ​การ​ก่อ​สร้าง​ของ​โครงการ​เหล่า​นี้​และ​มี​ความ​ทรง​จำ​ดี ๆ หลาย​อย่าง​เกี่ยว​กับ​วิธี​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​เท​พระ​พร​อย่าง​อุดม​ล้น​เหลือ​แก่​ประชาคม​ต่าง ๆ ที่​ทำ​งาน​ด้วย​กัน​เพื่อ​จัด​หา​เงิน​ทุน​และ​สร้าง​อาคาร​เหล่า​นี้​จน​สำเร็จ ซึ่ง​ยัง​คง​ใช้​งาน​ได้​เป็น​อย่าง​ดี​ใน​ฐานะ​ศูนย์กลาง​การ​นมัสการ​แท้​จน​ถึง​ทุก​วัน​นี้.

การ​เปลี่ยน​แปลง​ใน​ชีวิต

วัน​หนึ่ง​ใน​ปี 1957 ขณะ​ที่​ผม​กำลัง​เดิน​ไป​ทำ​งาน ผ่าน​สวน​ที่​อยู่​ระหว่าง​อาคาร​ที่​พัก​ของ​เบเธล​กับ​โรง​พิมพ์ ฝน​ก็​เริ่ม​ตก. แล้ว​ผม​ก็​เห็น​สาว​ผม​บลอนด์​ที่​น่า​รัก​ซึ่ง​เป็น​สมาชิก​ใหม่​ของ​เบเธล​อยู่​ข้าง​หน้า​ผม. เธอ​ไม่​มี​ร่ม ผม​เลย​กาง​ร่ม​ให้​เธอ​และ​เดิน​ไป​ด้วย​กัน. นั่น​แหละ​คือ​วิธี​ที่​ผม​พบ​กับ​มาร์จอรี. และ​นับ​ตั้ง​แต่​ที่​เรา​แต่งงาน​กัน​ใน​ปี 1960 ไม่​ว่า​จะ​ทุกข์​หรือ​สุข ไม่​ว่า​ฝน​จะ​ตก​หรือ​แดด​จะ​ออก เรา​ก็​เดิน​เคียง​ข้าง​กัน​อย่าง​มี​ความ​สุข​ใน​การ​รับใช้​พระ​ยะโฮวา. เรา​ฉลอง​ครบ​รอบ​แต่งงาน​ปี​ที่ 50 ใน​เดือน​กันยายน 2010.

หลัง​กลับ​จาก​ฮันนีมูน เรา​ยัง​ไม่​ทัน​จะ​รื้อ​ของ​ออก​จาก​กระเป๋า​เลย​บราเดอร์​นอรร์​ก็​บอก​ผม​ว่า​ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​เป็น​ผู้​สอน​ใน​โรง​เรียน​กิเลียด. นั่น​นับ​เป็น​สิทธิ​พิเศษ​จริง ๆ! ตั้ง​แต่​ปี 1961 จน​ถึง​ปี 1965 มี​การ​สอน​ห้า​ชั้น​เรียน​ที่​เป็น​หลัก​สูตร​ยาว​กว่า ซึ่ง​คน​ที่​เข้า​เรียน​ส่วน​ใหญ่​เป็น​บุคลากร​ของ​สำนักงาน​สาขา. พวก​เขา​ได้​รับ​การ​อบรม​เป็น​พิเศษ​ใน​การ​จัด​การ​ดู​แล​สำนักงาน​สาขา. ใน​ฤดู​ใบ​ไม้​ร่วง​ปี 1965 ชั้น​เรียน​ต่าง ๆ ก็​กลับ​มา​เป็น​หลัก​สูตร​ห้า​เดือน​ตาม​ปกติ และ​เน้น​ไป​ที่​การ​ฝึก​อบรม​มิชชันนารี​อีก​ครั้ง​หนึ่ง.

ใน​ปี 1972 ผม​ย้าย​จาก​โรง​เรียน​กิเลียด​มา​ทำ​งาน​ใน​แผนก​โต้​ตอบ​จดหมาย ซึ่ง​ผม​รับใช้​เป็น​ผู้​ดู​แล​แผนก. การ​ค้นคว้า​เพื่อ​ตอบ​คำ​ถาม​และ​จัด​การ​ปัญหา​ที่​หลาก​หลาย​ช่วย​ผม​ให้​เข้าใจ​คำ​สอน​ใน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​และ​รู้​วิธี​ใช้​หลักการ​อัน​สูง​ส่ง​ของ​พระเจ้า​เพื่อ​ช่วย​คน​อื่น ๆ ได้​ดี​ยิ่ง​ขึ้น.

ต่อ​มา ใน​ปี 1987 ผม​ได้​รับ​มอบหมาย​ให้​ไป​รับใช้​ใน​แผนก​ใหม่​ซึ่ง​เรียก​ว่า​ฝ่าย​บริการ​ข้อมูล​แก่​โรง​พยาบาล. มี​การ​จัด​สัมมนา​เพื่อ​สอน​ผู้​ปกครอง​ที่​เป็น​คณะ​กรรมการ​ประสาน​งาน​กับ​โรง​พยาบาล​เกี่ยว​กับ​วิธี​เข้า​หา​แพทย์ ผู้​พิพากษา และ​นัก​สังคม​สงเคราะห์ เพื่อ​หารือ​กัน​ใน​เรื่อง​จุด​ยืน​ของ​เรา​ตาม​หลัก​พระ​คัมภีร์​ที่​เกี่ยว​กับ​เลือด. ปัญหา​ใหญ่​อย่าง​หนึ่ง​ก็​คือ​การ​ที่​แพทย์​ถ่าย​เลือด​ให้​เด็ก​พยาน​ฯ โดย​พลการ และ​มัก​อาศัย​อำนาจ​ศาล​ใน​การ​ทำ​เช่น​นั้น.

เมื่อ​เสนอ​ทาง​เลือก​ใน​การ​รักษา​โดย​ไม่​ใช้​เลือด​แก่​แพทย์ คำ​ตอบ​ที่​มัก​จะ​ได้​รับ​คือ​พวก​เขา​ไม่​เคย​ใช้​วิธี​เหล่า​นั้น​หรือ​ไม่​ก็​วิธี​เหล่า​นั้น​แพง​เกิน​ไป. ผม​มัก​จะ​ตอบ​แพทย์​ที่​พูด​อย่าง​นั้น​ว่า “ขอ​ผม​ดู​มือ​คุณ​หมอ​หน่อย​ได้​ไหม​ครับ.” เมื่อ​เขา​ยื่น​มือ​มา ผม​ก็​จะ​บอก​เขา​ว่า “นี่​แหละ​ครับ​คือ​เครื่อง​มือ​ที่​ดี​ที่​สุด​อย่าง​หนึ่ง​ที่​จะ​ทำ​ให้​คุณ​หมอ​รักษา​โดย​ไม่​ใช้​เลือด​ได้.” คำ​ชม​แบบ​นี้​ทำ​ให้​เขา​นึก​ถึง​สิ่ง​ที่​เขา​เอง​รู้​ดี​อยู่​แล้ว ว่า​การ​ใช้​มีด​ผ่าตัด​อย่าง​ระมัดระวัง​จะ​ช่วย​ให้​เสีย​เลือด​น้อย​ที่​สุด.

ใน​ช่วง​สอง​ทศวรรษ​ที่​ผ่าน​ไป พระ​ยะโฮวา​ทรง​อวย​พร​ความ​พยายาม​ของ​เรา​อย่าง​มาก​มาย​ใน​การ​ให้​ความ​รู้​แก่​แพทย์​และ​ผู้​พิพากษา. ทัศนคติ​ของ​พวก​เขา​เปลี่ยน​ไป​มาก​เมื่อ​พวก​เขา​เข้าใจ​จุด​ยืน​ของ​เรา​ดี​ขึ้น. พวก​เขา​ได้​เรียน​รู้​ว่า​ว่า​การ​วิจัย​ทาง​การ​แพทย์​พิสูจน์​ว่า​การ​ใช้​ทาง​เลือก​อื่น​ใน​การ​รักษา​ที่​ไม่​ใช้​เลือด​มี​ประสิทธิภาพ อีก​ทั้ง​มี​แพทย์​และ​โรง​พยาบาล​จำนวน​มาก​ที่​ให้​ความ​ร่วม​มือ​ซึ่ง​สามารถ​ส่ง​ตัว​คนไข้​ไป​รับ​การ​รักษา​ได้.

ตั้ง​แต่​ปี 1996 ผม​กับ​มาร์จอรี​รับใช้​ที่​ศูนย์​การ​ศึกษา​ว็อชเทาเวอร์​ที่​แพตเทอร์สัน นิวยอร์ก ซึ่ง​อยู่​ห่าง​จาก​บรุกลิน​ไป​ทาง​เหนือ​ประมาณ 110 กิโลเมตร. ที่​นี่ ผม​ทำ​งาน​ใน​แผนก​การ​รับใช้​ช่วง​สั้น ๆ และ​จาก​นั้น​ก็​มี​ส่วน​ร่วม​ใน​การ​สอน​บุคลากร​ของ​สำนักงาน​สาขา​และ​ผู้​ดู​แล​เดิน​ทาง​อยู่​ช่วง​หนึ่ง. ใน​ช่วง 12 ปี​มา​นี้ ผม​ได้​รับใช้​อีก​ครั้ง​หนึ่ง​ใน​ฐานะ​ผู้​ดู​แล​แผนก​โต้​ตอบ​จดหมาย ซึ่ง​ได้​ย้าย​จาก​บรุกลิน​มา​อยู่​ที่​แพตเทอร์สัน.

ปัญหา​ใน​วัย​ชรา

การ​ดู​แล​สิทธิ​พิเศษ​ของ​ผม​ใน​การ​รับใช้​ที่​เบเธล​กลาย​เป็น​เรื่อง​ยาก​ขึ้น​เมื่อ​อายุ​ผม​ย่าง​เข้า​สู่​วัย 85. ผม​ต่อ​สู้​กับ​โรค​มะเร็ง​มา​สิบ​กว่า​ปี​แล้ว. ผม​รู้สึก​เหมือน​ฮิศคียา​ที่​พระ​ยะโฮวา​ทรง​ต่อ​อายุ​ให้. (ยซา. 38:5) ภรรยา​ผม​ก็​สุขภาพ​ไม่​ดี​ด้วย และ​เรา​พยายาม​ช่วย​กัน​รับมือ​โรค​อัลไซเมอร์​ที่​เธอ​เป็น. มาร์จอรี​เป็น​ผู้​รับใช้​ของ​พระ​ยะโฮวา​ที่​มี​ความ​สามารถ เป็น​ผู้​ให้​คำ​แนะ​นำ​แก่​เยาวชน และ​เป็น​ผู้​ช่วย​ที่​ซื่อ​สัตย์​และ​เพื่อน​ที่​ภักดี​ของ​ผม. เธอ​เป็น​นัก​ศึกษา​และ​เป็น​ผู้​สอน​คัมภีร์​ไบเบิล​ที่​ดี​เสมอ และ​ลูก ๆ ฝ่าย​วิญญาณ​หลาย​คน​ยัง​คง​ติด​ต่อ​กับ​เรา​อยู่​เรื่อย ๆ.

อา​แมรี​เสีย​ชีวิต​ใน​เดือน​มีนาคม 2010 เมื่อ​อายุ 87 ปี. เธอ​เป็น​ผู้​สอน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​ที่​ดี​เยี่ยม​และ​ช่วย​หลาย​คน​ให้​ยึด​มั่น​ใน​จุด​ยืน​เพื่อ​การ​นมัสการ​แท้. เธอ​รับใช้​เต็ม​เวลา​นาน​หลาย​ปี. ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​เธอ​มาก​ที่​ได้​ช่วย​ผม​ให้​เรียน​ความ​จริง​ใน​พระ​คำ​ของ​พระเจ้า​และ​ช่วย​ให้​ผม​กลาย​มา​เป็น​ผู้​รับใช้​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ผู้​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​เช่น​เดียว​กับ​เธอ. อา​แมรี​ถูก​ฝัง​ไว้​ข้าง ๆ สามี​ของ​เธอ ซึ่ง​เคย​รับใช้​เป็น​มิชชันนารี​ใน​ประเทศ​อิสราเอล. ผม​มั่น​ใจ​ว่า​ทั้ง​คู่​อยู่​ใน​ความ​ทรง​จำ​ของ​พระ​ยะโฮวา​และ​คอย​ที่​จะ​ได้​รับ​การ​ปลุก​ให้​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย.

เมื่อ​มอง​ย้อน​กลับ​ไป​ตลอด 67 ปี​ที่​รับใช้​พระ​ยะโฮวา ผม​รู้สึก​ขอบคุณ​สำหรับ​พระ​พร​อัน​อุดม​ที่​ได้​รับ. ช่าง​เป็น​ความ​ยินดี​จริง ๆ ที่​ได้​ทำ​ตาม​พระ​ประสงค์​ของ​พระ​ยะโฮวา! ผม​เชื่อ​มั่น​ใน​พระ​กรุณา​อัน​ใหญ่​หลวง​ของ​พระเจ้า และ​ผม​หวัง​เป็น​อย่าง​ยิ่ง​ว่า​จะ​ได้​รับ​ตาม​คำ​สัญญา​ของ​พระ​บุตร​ที่​ว่า “ทุก​คน​ที่​ได้​สละ​บ้าน​หรือ​พี่​น้อง​ชาย​หญิง​หรือ​บิดา​หรือ​มารดา​หรือ​ลูก ๆ หรือ​ไร่​นา​เพื่อ​เห็น​แก่​นาม​ของ​เรา​จะ​ได้​คืน​อีก​หลาย​เท่า​และ​จะ​ได้​รับ​ชีวิต​นิรันดร์.”มัด. 19:29

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 11 พิมพ์​ใน​ปี 1942 แต่​ตอน​นี้​ไม่​พิมพ์​แล้ว.

[ภาพ​หน้า 19]

ใน​ไร่​ฝ้าย​ของ​ปู่​ที่​รัฐ​จอร์เจีย สหรัฐ​อเมริกา ปี 1928

[ภาพ​หน้า 19]

อา​แมรี​และ​ลุง​ทัลแมดจ์

[ภาพ​หน้า 20]

แมรี แกลดิส และ​เกรซ

[ภาพ​หน้า 20]

ผม​รับ​บัพติสมา วัน​ที่ 14 มิถุนายน 1944

[ภาพ​หน้า 20]

ใน​แผนก​การ​รับใช้​ที่​เบเธล

[ภาพ​หน้า 21]

ถ่าย​กับ​อา​แมรี​ที่​การ​ประชุม​นานา​ชาติ ณ สนาม​กีฬา​แยงกี ปี 1958

[ภาพ​หน้า 21]

ถ่าย​กับ​มาร์จอรี​ใน​วัน​ที่​เรา​แต่งงาน

[ภาพ​หน้า 21]

ถ่าย​ด้วย​กัน​ใน​ปี 2008