ข้ามไปยังเนื้อหา

ข้ามไปยังสารบัญ

“ข้าพเจ้าเชื่อ”

“ข้าพเจ้าเชื่อ”

จง​เลียน​แบบ​ความ​เชื่อ​ของ​เขา

“ข้าพเจ้า​เชื่อ”

มาร์ทา​นึก​ถึง​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​ของ​น้อง​ชาย​ซึ่ง​เป็น​ถ้ำ​ที่​มี​หิน​ก้อน​ใหญ่​ปิด​ไว้. ความ​ทุกข์​ของ​เธอ​หนัก​อึ้ง​ราว​กับ​หิน​ก้อน​นั้น​และ​ทำ​ให้​เธอ​รู้สึก​เหน็บ​หนาว​ใน​ใจ. เธอ​ไม่​อยาก​เชื่อ​เลย​ว่า​ลาซะโร​น้อง​ชาย​ที่​รัก​ของ​เธอ​ได้​จาก​ไป​แล้ว. ตลอด​สี่​วัน​ที่​ผ่าน​มา​หลัง​จาก​ลาซะโร​สิ้น​ใจ เธอ​แทบ​ไม่​รู้​เลย​ว่า​มี​อะไร​เกิด​ขึ้น​บ้าง. เธอ​รู้​แต่​ว่า​ตัว​เอง​จม​อยู่​ใน​ความ​ทุกข์​โศก​เศร้า แล้ว​ก็​มี​คน​มาก​มาย​มา​เยี่ยม​และ​ปลอบโยน​เธอ.

บัด​นี้ บุรุษ​ผู้​หนึ่ง​ซึ่ง​มี​ความ​หมาย​ต่อ​ลาซะโร​มาก​ที่​สุด​กำลัง​ยืน​อยู่​ตรง​หน้า​เธอ. เมื่อ​เห็น​พระ​เยซู หัวใจ​ของ​เธอ​ก็​เจ็บ​แปลบ​ด้วย​ความ​ทุกข์​อีก​ครั้ง เพราะ​พระองค์​คือ​ผู้​เดียว​เท่า​นั้น​ที่​น่า​จะ​ช่วย​ชีวิต​น้อง​ชาย​ของ​เธอ​ได้. แต่​มาร์ทา​ก็​สบาย​ใจ​ขึ้น​เมื่อ​ได้​คุย​กับ​พระ​เยซู​นอก​เมือง​เบทาเนีย​ซึ่ง​เป็น​เมือง​เล็ก ๆ บน​เชิง​เขา. เพียง​ช่วง​เวลา​สั้น ๆ นั้น เธอ​รู้สึก​อบอุ่น​ขึ้น​มา​อีก​ครั้ง​เมื่อ​เห็น​สาย​พระ​เนตร​ที่​อ่อนโยน. ความ​เห็น​อก​เห็น​ใจ​ของ​พระ​เยซู​ทำ​ให้​เธอ​มี​กำลังใจ​เสมอ. พระองค์​ถาม​เธอ​หลาย​คำ​ถาม​เพื่อ​ช่วย​ให้​เธอ​คิด​ถึง​ความ​เชื่อ​และ​ความ​หวัง​เรื่อง​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย. การ​สนทนา​ใน​ครั้ง​นั้น​ทำ​ให้​มาร์ทา​เอ่ย​ถ้อย​คำ​หนึ่ง​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​เท่า​ที่​เธอ​เคย​พูด​ออก​มา. เธอ​พูด​ว่า “ข้าพเจ้า​เชื่อ​ว่า​พระองค์​ทรง​เป็น​พระ​คริสต์​พระ​บุตร​ของ​พระเจ้า​ผู้​เสด็จ​เข้า​มา​ใน​โลก.”—โยฮัน 11:27

มาร์ทา​เป็น​สตรี​ที่​มี​ความ​เชื่อ​โดด​เด่น​มาก. สิ่ง​ที่​คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​เรา​เกี่ยว​กับ​มาร์ทา​แม้​จะ​ไม่​มาก​มาย​นัก แต่​ก็​ให้​บทเรียน​ที่​สำคัญ​และ​ช่วย​ให้​เรา​มี​ความ​เชื่อ​เข้มแข็ง​ขึ้น​ได้. เพื่อ​จะ​เข้าใจ​บทเรียน​นี้ ให้​เรา​พิจารณา​เรื่อง​ราว​ของ​มาร์ทา​ที่​กล่าว​ถึง​ครั้ง​แรก​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล.

“กังวล​และ​พะวง​อยู่​กับ​หลาย​สิ่ง”

หลาย​เดือน​ก่อน​หน้า​นั้น ลาซะโร​ยัง​มี​ชีวิต​อยู่​และ​สุขภาพ​แข็งแรง​ดี. บ้าน​ของ​เขา​ใน​เบทาเนีย​กำลัง​จะ​ได้​ต้อนรับ​แขก​คน​สำคัญ​ที่​สุด​คือ พระ​เยซู​คริสต์. ครอบครัว​ของ​ลาซะโร มาร์ทา และ​มาเรีย​ต่าง​จาก​ครอบครัว​ทั่ว​ไป เพราะ​พี่​น้อง​สาม​คน​ที่​โต​แล้ว​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​เดียว​กัน. ผู้​เชี่ยวชาญ​ด้าน​คัมภีร์​ไบเบิล​บาง​คน​คิด​ว่า​ใน​สาม​คน​นี้​มาร์ทา​น่า​จะ​เป็น​พี่​สาว​คน​โต เพราะ​ดู​เหมือน​เธอ​มัก​จะ​ทำ​หน้า​ที่​เจ้าบ้าน​และ​หลาย​ครั้ง​มี​การ​กล่าว​ถึง​ชื่อ​เธอ​เป็น​คน​แรก. (โยฮัน 11:5) ไม่​มี​ใคร​รู้​ว่า​พี่​น้อง​สาม​คน​นี้​เคย​แต่งงาน​หรือ​ไม่. ไม่​ว่า​อย่าง​ไร พวก​เขา​ก็​เป็น​เพื่อน​สนิท​ของ​พระ​เยซู. ระหว่าง​ที่​พระ​เยซู​ทำ​งาน​ประกาศ​ใน​แคว้น​ยูเดีย พระองค์​ถูก​เกลียด​ชัง​และ​ถูก​ต่อ​ต้าน​อย่าง​หนัก. ใน​ช่วง​นั้น พระองค์​อาศัย​บ้าน​ของ​พวก​เขา​เป็น​ที่​พักพิง. แน่นอน​ว่า พระองค์​ทรง​รู้สึก​ซาบซึ้ง​พระทัย​ที่​ได้​รับ​การ​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​เป็น​อย่าง​ดี​ใน​บ้าน​อัน​สงบ​สุข​นี้.

มาร์ทา​มี​บทบาท​มาก​ที​เดียว​ใน​การ​ทำ​ให้​บ้าน​เป็น​ที่​พัก​ที่​สะดวก​สบาย​สำหรับ​แขก. เธอ​เป็น​คน​ขยัน​ขันแข็ง เอา​การ​เอา​งาน และ​ดู​เหมือน​ว่า​เธอ​จะ​มี​งาน​ยุ่ง​อยู่​ตลอด​เวลา. ตอน​ที่​พระ​เยซู​มา​เยี่ยม​ก็​เป็น​เช่น​นั้น​ด้วย. เธอ​ตระเตรียม​อาหาร​พิเศษ​หลาย​อย่าง​สำหรับ​แขก​คน​สำคัญ​ที่​สุด​ของ​เธอ และ​สำหรับ​คน​ที่​ร่วม​เดิน​ทาง​มา​กับ​แขก​ผู้​นี้​ด้วย. การ​รับรอง​แขก​ถือ​เป็น​เรื่อง​สำคัญ​มาก. เมื่อ​แขก​มา​ถึง เจ้าบ้าน​จะ​ต้อนรับ​ด้วย​การ​จูบ เขา​จะ​ถอด​รอง​เท้า​และ​ล้าง​เท้า​ให้​แขก จาก​นั้น​ก็​เอา​น้ำมัน​หอม​ชโลม​ศีรษะ​เพื่อ​ให้​แขก​รู้สึก​สดชื่น. (ลูกา 7:44-47) แขก​จะ​ต้อง​ได้​รับ​การ​ดู​แล​อย่าง​ดี​ที่​สุด​ทั้ง​ใน​เรื่อง​อาหาร​และ​ที่​พัก.

มาร์ทา​และ​มาเรีย​มี​งาน​มาก​มาย​ที่​ต้อง​ทำ​เพื่อ​ต้อนรับ​แขก​กลุ่ม​นี้. ใน​ตอน​แรก​มาเรีย​ซึ่ง​บาง​คน​คิด​ว่า​เธอ​เป็น​คน​ละเอียดอ่อน​และ​ช่าง​คิด​กว่า​มาร์ทา​คง​ต้อง​ช่วย​พี่​สาว​เตรียม​งาน. แต่​หลัง​จาก​พระ​เยซู​มา​ถึง เหตุ​การณ์​ก็​เปลี่ยน​ไป. พระ​เยซู​ทรง​มอง​ว่า​นี่​เป็น​โอกาส​ดี​ที่​จะ​สอน และ​พระองค์​ก็​ทำ​เช่น​นั้น! พระ​เยซู​ไม่​เหมือน​กับ​ผู้​นำ​ศาสนา​ใน​สมัย​นั้น พระองค์​ให้​เกียรติ​ผู้​หญิง​และ​ยินดี​สอน​พวก​เธอ​เกี่ยว​กับ​ราชอาณาจักร​ของ​พระเจ้า​ซึ่ง​เป็น​สาระ​สำคัญ​ของ​ข่าวสาร​ที่​พระองค์​ประกาศ. มาเรีย​ตื่นเต้น​มาก​ที่​ได้​มี​โอกาส​ฟัง​พระ​เยซู เธอ​นั่ง​อยู่​แทบ​พระ​บาท​และ​ตั้งใจ​ฟัง​ทุก​คำ​ที่​พระ​เยซู​ตรัส.

เรา​นึก​ภาพ​ออก​ว่า​มาร์ทา​คง​เริ่ม​รู้สึก​เครียด​และ​กระวนกระวาย​ใจ. เธอ​ต้อง​ทำ​อาหาร​หลาย​อย่าง ทั้ง​ยัง​ต้อง​เตรียม​โน่น​เตรียม​นี่​ให้​แขก เธอ​จึง​กังวล​และ​ว้าวุ่น​ใจ​มาก​ขึ้น​เรื่อย ๆ. ขณะ​ที่​เธอ​เดิน​เข้า​เดิน​ออก สาละวน​อยู่​กับ​งาน และ​เห็น​น้อง​สาว​นั่ง​อยู่​เฉย ๆ โดย​ไม่​ช่วย​อะไร​เลย เธอ​เริ่ม​โกรธ ถอน​หายใจ​ออก​มา​ดัง ๆ หรือ​ทำ​หน้า​นิ่ว​คิ้ว​ขมวด​ไหม? คง​ไม่​แปลก​ถ้า​เธอ​จะ​แสดง​อากัปกิริยา​เช่น​นั้น. ถ้า​ไม่​มี​คน​ช่วย เธอ​ก็​ไม่​มี​ทาง​ทำ​งาน​ทั้ง​หมด​นั้น​ได้​เลย!

ใน​ที่​สุด มาร์ทา​ก็​ทน​ต่อ​ไป​ไม่​ไหว. เธอ​เข้า​มา​ขัด​จังหวะ​ระหว่าง​ที่​พระ​เยซู​กำลัง​สอน แล้ว​โพล่ง​ออก​มา​ว่า “พระองค์​เจ้าข้า พระองค์​ไม่​สน​พระทัย​หรือ​ที่​น้อง​สาว​ปล่อย​ให้​ข้าพเจ้า​ทำ​งาน​อยู่​คน​เดียว? ขอ​ทรง​บอก​เธอ​ให้​มา​ช่วย​ข้าพเจ้า​เถิด.” (ลูกา 10:40) นี่​เป็น​คำ​พูด​ที่​แรง​ที​เดียว. คัมภีร์​ไบเบิล​บาง​ฉบับ​แปล​คำ​พูด​ของ​เธอ​ทำนอง​ที่​ว่า “พระองค์​เจ้าข้า ไม่​เห็น​หรือ​ว่า . . . ?” แล้ว​เธอ​ก็​ขอ​ให้​พระ​เยซู​ตักเตือน​มาเรีย​และ​สั่ง​ให้​กลับ​ไป​ช่วย​เธอ​ทำ​งาน.

คำ​ตอบ​ของ​พระ​เยซู​คง​ทำ​ให้​มาร์ทา​ประหลาด​ใจ​เหมือน​กับ​ที่​ผู้​อ่าน​พระ​คัมภีร์​หลาย​คน​รู้สึก​เช่น​นั้น. พระองค์​ตรัส​ด้วย​น้ำ​เสียง​อ่อนโยน​ว่า “มาร์ทา มาร์ทา เจ้า​กังวล​และ​พะวง​อยู่​กับ​หลาย​สิ่ง​หลาย​อย่าง. แต่​ที่​จำเป็น​นั้น​มี​ไม่​กี่​อย่าง​หรือ​ไม่​ก็​เพียง​อย่าง​เดียว. มาเรีย​นั้น​เลือก​เอา​ส่วน​ดี​และ​จะ​ไม่​มี​ใคร​เอา​ส่วน​นี้​ไป​จาก​เธอ​ได้.” (ลูกา 10:41, 42) พระ​เยซู​หมาย​ความ​ว่า​อย่าง​ไร? พระองค์​กำลัง​บอก​ว่า​มาร์ทา​เป็น​คน​ที่​ห่วง​แต่​เรื่อง​การ​กิน​การ​อยู่​ไหม? พระองค์​ไม่​เห็น​ค่า​ที่​เธอ​อุตส่าห์​เตรียม​อาหาร​ดี ๆ หลาย​อย่าง​ใน​มื้อ​นี้​ไหม?

ไม่​ใช่​เช่น​นั้น. พระ​เยซู​ทรง​ทราบ​ว่า​มาร์ทา​มี​เจตนา​ดี​และ​ทำ​สิ่ง​เหล่า​นี้​ด้วย​ความ​รัก. นอก​จาก​นั้น พระองค์​ไม่​ได้​คิด​ว่า​การ​ต้อนรับ​แขก​ด้วย​การ​จัด​เลี้ยง​อย่าง​ใหญ่​โต​เป็น​เรื่อง​ที่​ผิด​เสมอ​ไป. ก่อน​หน้า​นี้ พระองค์​ยินดี​ไป​ร่วม “งาน​เลี้ยง​ใหญ่” ที่​มัดธาย​จัด​ขึ้น​เพื่อ​ต้อนรับ​พระองค์. (ลูกา 5:29) การ​ที่​มาร์ทา​จัด​เตรียม​อาหาร​มาก​มาย​ไม่​ใช่​ประเด็น​สำคัญ​ใน​ตอน​นี้ แต่​พระ​เยซู​กำลัง​เน้น​เรื่อง​การ​จัด​ลำดับ​ความ​สำคัญ​ของ​สิ่ง​ต่าง ๆ ใน​ชีวิต. มาร์ทา​เป็น​ห่วง​มาก​เกิน​ไป​ว่า​ต้อง​เตรียม​อาหาร​อย่าง​ประณีต เธอ​จึง​มอง​ข้าม​เรื่อง​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​ไป. เรื่อง​นั้น​คือ​อะไร?

พระ​เยซู​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ของ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​กำลัง​สอน​ความ​จริง​อยู่​ใน​บ้าน​ของ​มาร์ทา. ไม่​มี​สิ่ง​ใด​สำคัญ​ยิ่ง​ไป​กว่า​นี้ ไม่​ว่า​จะ​เป็น​อาหาร​ที่​น่า​รับประทาน​หรือ​การ​รับรอง​อย่าง​ดี​เยี่ยม. พระ​เยซู​คง​รู้สึก​เสียดาย​ที่​มาร์ทา​พลาด​โอกาส​พิเศษ​สุด​นี้​ที่​จะ​ได้​เสริม​สร้าง​ความ​เชื่อ​ให้​เข้มแข็ง แต่​พระองค์​ก็​ปล่อย​ให้​เธอ​เป็น​คน​เลือก​เอง. อย่าง​ไร​ก็​ตาม มาร์ทา​ไม่​มี​สิทธิ์​ขอร้อง​พระ​เยซู​ให้​สั่ง​น้อง​สาว​ให้​เลือก​อย่าง​เดียว​กับ​เธอ.

พระ​เยซู​แก้ไข​ความ​คิด​ของ​มาร์ทา​อย่าง​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา. พระองค์​เรียก​ชื่อ​เธอ​ซ้ำ​สอง​ครั้ง​เพื่อ​ให้​เธอ​ใจ​เย็น​ลง แล้ว​ทรง​บอก​ให้​เธอ​สบาย​ใจ​ว่า​ไม่​ต้อง “กังวล​และ​พะวง​อยู่​กับ​หลาย​สิ่ง​หลาย​อย่าง.” อาหาร​ธรรมดา ๆ แค่​หนึ่ง​หรือ​สอง​อย่าง​ก็​เพียง​พอ​แล้ว โดย​เฉพาะ​อย่าง​ยิ่ง​เมื่อ​มี​โอกาส​ได้​รับ​ความ​รู้​มาก​มาย​จาก​พระ​เยซู​ซึ่ง​เป็น​อาหาร​ฝ่าย​วิญญาณ. ดัง​นั้น พระ​เยซู​จะ​ไม่​สั่ง​มาเรีย​ให้​ทิ้ง​โอกาส​ที่​จะ​ได้​รับ​การ​สอน​จาก​พระองค์ เพราะ​นั่น​เป็น “ส่วน​ดี” ที่​เธอ​ได้​เลือก​แล้ว!

เรื่อง​ราว​สั้น ๆ ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​บ้าน​หลัง​นี้​ให้​บทเรียน​อัน​มี​ค่า​แก่​สาวก​ของ​พระ​คริสต์​ใน​สมัย​ปัจจุบัน. เรา​ต้อง​ไม่​ปล่อย​ให้​สิ่ง​ใด​มา​ขัด​ขวาง​โอกาส​ที่​เรา​จะ​ได้​รับ​ความ​รู้​จาก​พระเจ้า​ซึ่ง​เป็น​การ​ตอบ​สนอง “ความ​จำเป็น​ฝ่าย​วิญญาณ” ของ​เรา. (มัดธาย 5:3) ถึง​แม้​เรา​ต้องการ​เลียน​แบบ​มาร์ทา​ใน​เรื่อง​การ​แสดง​น้ำใจ​เอื้อเฟื้อ​และ​ความ​ขยัน​ขันแข็ง แต่​เรา​ต้อง​ไม่​ปล่อย​ให้​ตัว​เอง “กังวล​และ​พะวง” มาก​เกิน​ไป​กับ​การ​รับรอง​แขก​ซึ่ง​เป็น​เรื่อง​ที่​สำคัญ​น้อย​กว่า​จน​พลาด​เรื่อง​ที่​สำคัญ​ที่​สุด​ไป. เมื่อ​เรา​สังสรรค์​กับ​เพื่อน​ร่วม​ความ​เชื่อ สิ่ง​สำคัญ​อันดับ​แรก​ไม่​ใช่​เรื่อง​การ​จัด​เลี้ยง​หรือ​กิน​เลี้ยง​อย่าง​หรูหรา แต่​เรา​ไป​เพื่อ​หนุน​กำลังใจ​กัน​และ​ให้​ของ​ประทาน​ฝ่าย​วิญญาณ. (โรม 1:11, 12) แม้​จะ​เป็น​การ​รับประทาน​อาหาร​ง่าย ๆ ร่วม​กัน เรา​ก็​มี​โอกาส​หนุน​กำลังใจ​กัน​ได้.

เสีย​น้อง​ชาย​ที่​รัก​ไป​และ​ได้​กลับ​คืน​มา

มาร์ทา​ยอม​รับ​การ​เตือน​สติ​อย่าง​ผ่อน​หนัก​ผ่อน​เบา​จาก​พระ​เยซู​และ​เรียน​รู้​จาก​เหตุ​การณ์​นั้น​ไหม? เรา​ไม่​สงสัย​เลย. ก่อน​ที่​อัครสาวก​โยฮัน​จะ​เล่า​เหตุ​การณ์​ที่​น่า​ตื่นเต้น​เกี่ยว​กับ​น้อง​ชาย​ของ​มาร์ทา ท่าน​บอก​เรา​ว่า “พระ​เยซู​ทรง​รัก​มาร์ทา​กับ​น้อง​สาว​และ​ลาซะโร​ด้วย.” (โยฮัน 11:5) เวลา​ผ่าน​ไป​หลาย​เดือน​ตั้ง​แต่​พระ​เยซู​เสด็จ​มา​ที่​เมือง​เบทาเนีย​ดัง​ข้าง​ต้น. เห็น​ได้​ชัด​ว่า มาร์ทา​ไม่​ได้​ผูก​ใจ​เจ็บ. เธอ​ไม่​ได้​แค้น​เคือง​พระ​เยซู​ที่​ให้​คำ​แนะ​นำ​เธอ​ด้วย​ความ​รัก แต่​เธอ​จด​จำ​เรื่อง​นั้น​ไว้​ใน​ใจ. เธอ​เป็น​ตัว​อย่าง​ที่​ดี​เยี่ยม​สำหรับ​เรา​ใน​เรื่อง​นี้​ด้วย เพราะ​เรา​ทุก​คน​จำเป็น​ต้อง​ได้​รับ​คำ​แนะ​นำ​เป็น​ครั้ง​คราว​มิ​ใช่​หรือ?

เมื่อ​น้อง​ชาย​ป่วย มาร์ทา​คอย​ดู​แล​อย่าง​ใกล้​ชิด. เธอ​ทำ​ทุก​อย่าง​ที่​ทำ​ได้​เพื่อ​บรรเทา​ความ​เจ็บ​ป่วย​ของ​น้อง​ชาย​และ​ช่วย​ให้​เขา​รู้สึก​ดี​ขึ้น. แต่​อาการ​ของ​ลาซะโร​ก็​ทรุด​หนัก​ลง​เรื่อย ๆ. พี่​สาว​ทั้ง​สอง​คอย​ดู​แล​อยู่​ข้าง ๆ ตลอด​เวลา​วัน​แล้ว​วัน​เล่า. บ่อย​เพียง​ไร​ที่​มาร์ทา​มอง​ดู​ใบ​หน้า​ที่​ซูบ​ซีด​ของ​น้อง​ชาย แล้ว​นึก​ถึง​ช่วง​เวลา​ที่​พวก​เขา​ได้​ร่วม​ทุกข์​ร่วม​สุข​กัน​มา​หลาย​ปี.

เมื่อ​มาร์ทา​กับ​มาเรีย​เห็น​ว่า​ลาซะโร​ป่วย​หนัก​จน​เกิน​กว่า​จะ​ช่วย​ได้ พวก​เธอ​จึง​ส่ง​คน​ไป​แจ้ง​ข่าว​แก่​พระ​เยซู. พระองค์​กำลัง​ประกาศ​อยู่​ไกล​ออก​ไป​และ​ต้อง​ใช้​เวลา​เดิน​ทาง​ถึง​สอง​วัน. พวก​เธอ​ส่ง​ข่าว​สั้น ๆ ว่า “พระองค์​เจ้าข้า สหาย​ที่​พระองค์​ทรง​รัก​ป่วย​อยู่.” (โยฮัน 11:1, 3) มาร์ทา​กับ​มาเรีย​รู้​ว่า​พระ​เยซู​ทรง​รัก​น้อง​ชาย​ของ​พวก​เธอ และ​เชื่อ​ว่า​พระองค์​จะ​ทำ​ทุก​สิ่ง​ที่​ทำ​ได้​เพื่อ​ช่วย​สหาย​คน​นี้. พวก​เธอ​เฝ้า​รอ​ด้วย​ความ​หวัง​ว่า​พระ​เยซู​จะ​มา​ถึง​ก่อน​จะ​สาย​เกิน​ไป​ไหม? ถ้า​เป็น​เช่น​นั้น​พวก​เธอ​คง​ต้อง​ผิด​หวัง. ลาซะโร​ตาย​แล้ว.

ทั้ง​มาร์ทา​และ​มาเรีย​ต่าง​ก็​อาลัย​ถึง​น้อง​ชาย. พวก​เธอ​ช่วย​กัน​เตรียม​งาน​ศพ​และ​ต้อนรับ​แขก​เหรื่อ​มาก​มาย​ที่​มา​จาก​เบทาเนีย​และ​ละแวก​ใกล้​เคียง. ถึง​ตอน​นี้​ก็​ยัง​ไม่​ได้​ข่าว​จาก​พระ​เยซู​เลย. แน่นอน​ว่า​เมื่อ​เวลา​ผ่าน​ไป​มาร์ทา​ก็​ยิ่ง​สงสัย​ว่า​ทำไม​พระ​เยซู​ยัง​ไม่​เสด็จ​มา. ใน​ที่​สุด หลัง​จาก​ลาซะโร​ตาย​ไป​ได้​สี่​วัน มาร์ทา​ก็​ได้​ยิน​ว่า​พระ​เยซู​เสด็จ​มา​ใกล้​ถึง​เบทาเนีย​แล้ว. ด้วย​ความ​ที่​เธอ​เป็น​คน​แคล่วคล่อง​ว่องไว แม้​จะ​อยู่​ใน​ยาม​ทุกข์​โศก​มาร์ทา​ก็​รีบ​ออก​ไป​หา​พระ​เยซู​โดย​ไม่​ทัน​ได้​บอก​มาเรีย.—โยฮัน 11:20

ทันที​ที่​เห็น​นาย​ของ​เธอ มาร์ทา​ก็​ระบาย​ความ​ทุกข์​ที่​อัดอั้น​อยู่​ใน​ใจ​เธอ​และ​มาเรีย​มา​นาน​หลาย​วัน. เธอ​ทูล​ว่า “พระองค์​เจ้าข้า ถ้า​ตอน​นั้น​พระองค์​อยู่​ที่​นี่ น้อง​ชาย​ข้าพเจ้า​คง​ไม่​ตาย.” แม้​จะ​พูด​เช่น​นี้ แต่​มาร์ทา​ก็​ยัง​มี​ความ​เชื่อ​และ​ความ​หวัง​อยู่. เธอ​พูด​ต่อ​ไป​ว่า “ถึง​อย่าง​นั้น ข้าพเจ้า​ก็​รู้​อยู่​ว่า​ทุก​สิ่ง​ที่​พระองค์​ทูล​ขอ​จาก​พระเจ้า พระเจ้า​จะ​ทรง​ประทาน​แก่​พระองค์.” พระ​เยซู​ช่วย​ให้​เธอ​มั่น​ใจ​ใน​ความ​หวัง​นั้น​โดย​ตรัส​ตอบ​ทันที​ว่า “น้อง​ชาย​ของ​เจ้า​จะ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย.”—โยฮัน 11:21-23

มาร์ทา​คิด​ว่า​พระ​เยซู​กำลัง​พูด​ถึง​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​ที่​จะ​เกิด​ขึ้น​ใน​อนาคต เธอ​จึง​ตอบ​ว่า “ข้าพเจ้า​รู้​ว่า​เขา​จะ​ถูก​ปลุก​ให้​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​ใน​วัน​สุด​ท้าย.” (โยฮัน 11:24) การ​ที่​เธอ​มี​ความ​เชื่อ​ใน​คำ​สอน​นี้​เป็น​เรื่อง​ที่​โดด​เด่น​มาก. ผู้​นำ​ศาสนา​ชาว​ยิว​บาง​คน​ที่​เป็น​พวก​ซาดูกาย​ปฏิเสธ​ว่า​ไม่​มี​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย ทั้ง ๆ ที่​คำ​สอน​นี้​มี​บอก​ไว้​อย่าง​ชัดเจน​ใน​พระ​คัมภีร์​ที่​มี​ขึ้น​โดย​การ​ดล​ใจ. (ดานิเอล 12:13; มาระโก 12:18) แต่​มาร์ทา​รู้​ว่า​พระ​เยซู​สอน​เรื่อง​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย และ​พระองค์​ถึง​กับ​ปลุก​บาง​คน​ให้​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​มา​แล้ว​ด้วย​ซ้ำ แม้​คน​เหล่า​นั้น​ที่​ถูก​ปลุก​จะ​ไม่​มี​ใคร​ตาย​ไป​นาน​หลาย​วัน​เหมือน​กับ​ลาซะโร. เธอ​ไม่​รู้​เลย​ว่า​กำลัง​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น.

แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ตรัส​ถ้อย​คำ​ที่​ไม่​อาจ​ลืม​เลือน​ได้​ดัง​นี้: “เรา​เป็น​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​และ​เป็น​ชีวิต.” จริง​ที​เดียว พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​ได้​มอบ​อำนาจ​ให้​แก่​พระ​บุตร​เพื่อ​จะ​ปลุก​ทุก​คน​ใน​โลก​ที่​ตาย​ไป​ให้​กลับ​มา​มี​ชีวิต​อีก​ใน​อนาคต. พระ​เยซู​ถาม​มาร์ทา​ว่า “เจ้า​เชื่อ​เรื่อง​นี้​ไหม?” มาร์ทา​ทูล​ตอบ​อย่าง​ที่​กล่าว​ไป​แล้ว​ใน​ตอน​ต้น​ของ​บทความ​นี้. เธอ​เชื่อ​ว่า​พระ​เยซู​เป็น​พระ​คริสต์​หรือ​พระ​มาซีฮา เป็น​พระ​บุตร​ของ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า และ​เป็น​บุคคล​ที่​พวก​ผู้​พยากรณ์​กล่าว​ถึง​ว่า​จะ​เสด็จ​เข้า​มา​ใน​โลก.—โยฮัน 5:28, 29; 11:25-27

พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า​และ​พระ​เยซู​คริสต์​พระ​บุตร​ของ​พระองค์​ทรง​เห็น​ค่า​ความ​เชื่อ​เช่น​นั้น​ไหม? เหตุ​การณ์​ต่อ​จาก​นี้​ที่​มาร์ทา​จะ​ได้​เห็น​ด้วย​ตา​ตัว​เอง​จะ​ให้​คำ​ตอบ​ที่​ชัดเจน​ที่​สุด. เธอ​รีบ​วิ่ง​ไป​เรียก​น้อง​สาว. หลัง​จาก​นั้น เธอ​ได้​เห็น​ว่า​พระ​เยซู​ทรง​รู้สึก​สะเทือน​พระทัย​อย่าง​ยิ่ง​ขณะ​ที่​สนทนา​กับ​มาเรีย​และ​คน​อื่น ๆ ที่​กำลัง​โศก​เศร้า. เธอ​เห็น​พระ​เยซู​หลั่ง​น้ำตา​ออก​มา​ด้วย​ความ​เศร้า​พระทัย​เมื่อ​ทรง​เห็น​ว่า​ความ​ตาย​ก่อ​ให้​เกิด​ความ​ทุกข์​มาก​เพียง​ไร. เธอ​ได้​ยิน​พระ​เยซู​สั่ง​ให้​คน​กลิ้ง​หิน​ออก​จาก​ปาก​อุโมงค์​ฝัง​ศพ​ของ​น้อง​ชาย.—โยฮัน 11:28-39

ด้วย​ความ​ที่​เป็น​คน​รอบคอบ มาร์ทา​ทัก​ท้วง​ว่า​ตอน​นี้​ศพ​คง​มี​กลิ่น​เหม็น​เพราะ​ตาย​มา​สี่​วัน​แล้ว. พระ​เยซู​ตรัส​กับ​นาง​ว่า “เรา​บอก​เจ้า​แล้ว​มิ​ใช่​หรือ​ว่า ถ้า​เจ้า​เชื่อ เจ้า​จะ​เห็น​ฤทธิ์​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​พระเจ้า?” เธอ​เชื่อ​เช่น​นั้น และ​เธอ​ก็​ได้​เห็น​ฤทธิ์​อัน​ยิ่ง​ใหญ่​ของ​พระ​ยะโฮวา​พระเจ้า. ใน​ทันใด​นั้น​เอง พระ​ยะโฮวา​ได้​มอบ​อำนาจ​แก่​พระ​บุตร​เพื่อ​ปลุก​ลาซะโร​ให้​กลับ​มา​มี​ชีวิต​อีก​ครั้ง! ลอง​นึก​ภาพ​เหตุ​การณ์​ต่อ​ไป​นี้​ซึ่ง​คง​จะ​ตราตรึง​อยู่​ใน​ความ​ทรง​จำ​ของ​มาร์ทา​ไป​ตลอด​ชีวิต. พระ​เยซู​ร้อง​เรียก​เสียง​ดัง​ว่า “ลาซะโร ออก​มา​เถิด!” จาก​นั้น​ก็​มี​เสียง​อะไร​บาง​อย่าง​แว่ว​มา​จาก​ด้าน​ใน​อุโมงค์​ฝัง​ศพ ขณะ​ที่​ลาซะโร​ลุก​ขึ้น​และ​ค่อย ๆ คลำ​หา​ทาง​ออก​มา​จาก​อุโมงค์​ทั้ง ๆ ที่​ยัง​มี​ผ้า​พัน​ตัว​อยู่. พระ​เยซู​สั่ง​ว่า “จง​เอา​ผ้า​ที่​พัน​เขา​ไว้​ออก​เสีย เขา​จะ​ได้​ไป.” แน่​ใจ​ได้​เลย​ว่า​มาร์ทา​กับ​มาเรีย​คง​ต้อง​โผ​เข้า​กอด​น้อง​ชาย​ด้วย​ความ​ตื่นเต้น​ดีใจ​ยิ่ง​นัก. (โยฮัน 11:40-44) ความ​ทุกข์​ที่​หนัก​อึ้ง​ใน​ใจ​ของ​มาร์ทา​หมด​สิ้น​ไป​แล้ว!

บันทึก​เรื่อง​นี้​แสดง​ให้​เห็น​ว่า​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​ไม่​ได้​เป็น​เพียง​เรื่อง​เพ้อ​ฝัน แต่​เป็น​ความ​จริง​ทาง​ประวัติศาสตร์​ที่​มี​หลักฐาน​ยืน​ยัน​ชัดเจน. พระ​ยะโฮวา​และ​พระ​บุตร​ทรง​ปรารถนา​อย่าง​ยิ่ง​ที่​จะ​ประทาน​รางวัล​แก่​ผู้​ที่​มี​ความ​เชื่อ​เช่น​ที่​มาร์ทา มาเรีย และ​ลาซะโร​ได้​รับ. พระองค์​ทั้ง​สอง​จะ​ประทาน​รางวัล​นั้น​แก่​คุณ​ด้วย ถ้า​คุณ​มี​ความ​เชื่อ​ที่​เข้มแข็ง​เหมือน​กับ​มาร์ทา. *

“มาร์ทา​คอย​รับใช้”

หลัง​จาก​เหตุ​การณ์​นั้น คัมภีร์​ไบเบิล​กล่าว​ถึง​มาร์ทา​อีก​เพียง​ครั้ง​เดียว. ขณะ​นั้น​เป็น​ตอน​ต้น​ของ​สัปดาห์​สุด​ท้าย​ที่​พระ​เยซู​จะ​อยู่​บน​แผ่นดิน​โลก. พระ​เยซู​ทรง​ทราบ​ดี​ว่า​พระองค์​กำลัง​จะ​เจอ​กับ​ความ​ทุกข์​ลำบาก​อะไร​บ้าง พระองค์​จึง​เลือก​ที่​จะ​พัก​อยู่​กับ​ครอบครัว​นี้​ที่​เบทาเนีย. จาก​ที่​นั่น​พระองค์​จะ​เดิน​ไป​ยัง​กรุง​เยรูซาเลม​เป็น​ระยะ​ทาง​สาม​กิโลเมตร. ขณะ​ที่​พระ​เยซู​และ​ลาซะโร​กำลัง​รับประทาน​อาหาร​อยู่​ใน​บ้าน​ของ​ซีโมน​คน​โรค​เรื้อน เรา​ก็​พบ​ข้อ​ความ​สุด​ท้าย​ที่​กล่าว​ถึง​มาร์ทา​ว่า “มาร์ทา​คอย​รับใช้.”—โยฮัน 12:2

เธอ​ช่าง​เป็น​แบบ​ฉบับ​ของ​สตรี​ที่​ขยัน​ขันแข็ง​อย่าง​แท้​จริง! เมื่อ​เรา​อ่าน​พบ​เรื่อง​ของ​เธอ​ครั้ง​แรก​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล เธอ​กำลัง​ทำ​งาน​อยู่ และ​เมื่อ​อ่าน​ตอน​ที่​กล่าว​ถึง​เธอ​เป็น​ครั้ง​สุด​ท้าย เธอ​ก็​ยัง​ทำ​งาน​อยู่​และ​เอา​ใจ​ใส่​ดู​แล​คน​รอบ​ข้าง​อย่าง​สุด​ความ​สามารถ. ประชาคม​คริสเตียน​ใน​ทุก​วัน​นี้​ได้​รับ​พระ​พร​มาก​จริง ๆ ที่​มี​ผู้​หญิง​แบบ​มาร์ทา​ซึ่ง​เด็ด​เดี่ยว​กล้า​หาญ มี​น้ำใจ​เอื้อเฟื้อ และ​แสดง​ความ​เชื่อ​โดย​รับใช้​ผู้​อื่น​อย่าง​ไม่​เห็น​แก่​ความ​เหนื่อย​ยาก. มาร์ทา​คง​จะ​ทำ​อย่าง​นี้​ต่อ ๆ ไป. ถ้า​เช่น​นั้น เธอ​ก็​ทำ​สิ่ง​ที่​ฉลาด​สุขุม เพราะ​เธอ​ยัง​ต้อง​เจอ​กับ​อุปสรรค​อีก​มาก​มาย.

หลัง​จาก​นั้น​ไม่​กี่​วัน มาร์ทา​ต้อง​ทน​กับ​ความ​เศร้า​โศก​เมื่อ​พระ​เยซู​นาย​ผู้​เป็น​ที่​รัก​ของ​เธอ​สิ้น​พระ​ชนม์​อย่าง​ทุกข์​ทรมาน. นอก​จาก​นั้น พวก​คน​หน้า​ซื่อ​ใจ​คด​ที่​ฆ่า​พระ​เยซู​ยัง​จ้อง​หา​ทาง​จะ​ฆ่า​ลาซะโร​ด้วย เพราะ​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย​ของ​เขา​ทำ​ให้​ผู้​คน​มาก​มาย​มี​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู. (โยฮัน 12:9-11) ใน​ที่​สุด ความ​ตาย​ก็​ทำ​ให้​สาย​สัมพันธ์​อัน​เปี่ยม​ด้วย​ความ​รัก​ของ​มาร์ทา​กับ​น้อง ๆ ต้อง​สิ้น​สุด​ลง. เรา​ไม่​รู้​ว่า​พวก​เขา​จาก​กัน​อย่าง​ไร​และ​เมื่อ​ไร แต่​เรา​ค่อนข้าง​แน่​ใจ​ว่า​ความ​เชื่อ​ที่​มี​ค่า​ของ​มาร์ทา​ได้​ช่วย​เธอ​ให้​อด​ทน​จน​ถึง​ที่​สุด. นี่​คือ​เหตุ​ผล​ที่​คริสเตียน​ใน​ทุก​วัน​นี้​ควร​เลียน​แบบ​ความ​เชื่อ​ของ​มาร์ทา.

[เชิงอรรถ]

^ วรรค 27 เพื่อ​จะ​เรียน​รู้​มาก​ขึ้น​เกี่ยว​กับ​คำ​สอน​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล​เรื่อง​การ​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย โปรด​ดู​บท 7 ของ​หนังสือ​คัมภีร์​ไบเบิล​สอน​อะไร​จริง​ๆ? จัด​พิมพ์​โดย​พยาน​พระ​ยะโฮวา.

[ภาพ​หน้า 11]

แม้​จะ​โศก​เศร้า แต่​มาร์ทา​ก็​ฟัง​พระ​เยซู​เมื่อ​พระองค์​ช่วย​เธอ​ให้​คิด​ถึง​เรื่อง​ที่​เสริม​สร้าง​ความ​เชื่อ

[ภาพ​หน้า 12]

แม้​มาร์ทา​จะ​รู้สึก “กังวล​และ​พะวง” แต่​เธอ​ก็​ถ่อม​ใจ​ยอม​รับ​คำ​เตือน​สอน

[ภาพ​หน้า 15]

การ​ที่​มาร์ทา​มี​ความ​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู​ทำ​ให้​เธอ​ได้​รับ​รางวัล​ตอบ​แทน คือ​ได้​เห็น​น้อง​ชาย​กลับ​เป็น​ขึ้น​จาก​ตาย